
Align, The Exchange, Twickenham Studios, Parkhouse Pictures และ Studio Pictures
ภูมิใจนำเสนอ
A Gift from Bob
กำกับโดย ชาลส์ มาร์ติน สมิธ
เขียนบท และ อำนวยการผลิตโดย แกร์รี่ เจนกินส์
อำนวยการสร้างโดย อดัม โรลสตัน, เทรซี จาร์วิส, สตีฟ จาร์วิส, แอนดรูว์ บอสเวลล์ และ ซันนี่โวห์รา
นำแสดงโดย ลุค เทรดาเวย์, เจ้าแมว บ๊อบ, คริสติน่า ทอนเทอรี่-ยัง, ฟาลดุต ชาร์มา

https://www.youtube.com/watch?v=beQkrCjaggw
เรื่องย่อ (Synopsis):
สร้างจากหนังสือขายดีระดับโลก และภาคต่อของหนังฮิตขวัญผู้ชม A Street Cat Named Bob (2016) ที่ว่าด้วยเรื่องราวของ เจมส์ และเจ้าแมวเพื่อนซี้ที่สุดของเขา บ๊อบ ในการเดินทางครั้งใหม่ด้วยกัน
ตั้งแต่วันที่ เจมส์ โบเวน ได้ช่วยเหลือแมวจรที่ถูกทิ้งไว้บริเวณโถงทางเดินในที่พักอาศัยของเขา เจมส์และบ๊อบก็ได้เริ่มต้นมิตรภาพที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขา นำไปสู่เรื่องราวที่กินใจผู้คนนับล้านทั่วโลก
ใน A Christmas Gift from Bob (2020) นั้นจะเล่าถึงเรื่องราวในช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่เขาและบ๊อบได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันบนท้องถนน บ๊อบได้ช่วยให้เขาผ่านพ้นช่วงเวลาอันยากลำบากที่สุดครั้งหนึ่ง ด้วยการมอบทั้งมิตรภาพและแรงบันดาลใจ อีกทั้งทั้งคู่ยังได้ร่วมกันสัมผัสและเข้าใจถึงความหมายและจิตวิญญาณที่แท้จริงของเทศกาลคริสต์มาสนี้ไปพร้อมกัน

เกี่ยวกับงานสร้าง โดยผู้อำนวยการสร้างอดัม โรลสตัน
พฤศจิกายน ค.ศ. 2018 – เป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้วที่ A Street Cat Named Bob (2016) ภาพยนตร์ที่สร้างจากหนังสือที่อ้างอิงมาจากเรื่องจริงและขึ้นแท่นเป็นหนังสือขายดีระดับปรากฏการณ์ได้ออกฉายในวงกว้างตามประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงโรงภาพยนตร์ในสหราชอาณาจักร ซึ่งในสหราชอาณาจักรนั้นเพิ่มความพิเศษด้วยการจัดงานใหญ่ฉายรอบปฐมทัศน์ที่โรงภาพยนตร์ Curzon Mayfair ณ กรุงลอนดอน โดยมีราชวงศ์ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์เข้าร่วมรับชมภาพยนตร์ด้วย

เจ้าแมว บ๊อบ นั้นเรียกได้ว่าเป็นดาวเด่นของงาน โดยได้ร่วมเดินพรมแดงภายในงานอยู่บนไหล่เจ้าของอย่าง เจมส์ โบเวน ซึ่งบรรยากาศของงานนั้นมีทั้ง นักข่าว, ช่างภาพ และแฟนๆ มาให้การต้อนรับพร้อมทั้งส่งเสียงบอกรักชื่นชมทั้งสองอย่างมากมายล้นหลาม ทั้งคู่ยังได้ร่วมออกเดินทางโปรโมทภาพยนตร์ที่ประเทศอย่าง เยอรมนี, ฮอลแลนด์, นอร์เวย์, สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น อีกด้วย
อย่างไรก็ตามในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2018 แกร์รี่ เจนกินส์ ผู้เขียนหนังสือได้ส่งลิงก์รายงานข่าวมาให้ผมทางอีเมลที่ได้ลงเนื้อหาไว้ว่า ภาพยนตร์นั้นเพิ่งเข้าโรงฉายในประเทศจีนและทำรายได้เปิดตัวบนบ็อกซ์ออฟฟิศในระดับที่เหนือคาดเลย ด้วยการเปิดตัวที่อันดับ 3 ซึ่งถือว่าเป็นประวัติการณ์เลยทีเดียวสำหรับการเป็นภาพยนตร์ที่ใช้ทุนน้อยสัญชาติอังกฤษอย่างเรื่องนี้
ผู้ชมจะอยากรู้เรื่องมิตรภาพของเจมส์และบ๊อบอีกไหม? การสร้างภาคต่อดูจะเป็นวิธีการเดียวที่จะตอบคำถามนั้นได้ แต่เรื่องราวในส่วนใดที่เราจะหยิบมาเล่าต่อในครั้งนี้? ภาพยนตร์ภาคแรกนั้นเป็นเนื้อหาที่อ้างอิงมาจากในหนังสือสองเล่มแรกอย่าง A Street Cat Named Bob และ The World According to Bob และผมยังได้มีโอกาสสร้างทีวีซีรีส์อนิเมชั่นสำหรับผู้ชมก่อนวัยเรียนที่อ้างอิงมาจากชุดหนังสือสำหรับเด็กชื่อว่า My Name is Bob และ Bob To The Rescue ดังนั้นหนังสือที่เรายังไม่ได้หยิบเรื่องราวมาเล่าเลยก็คือจากเรื่อง A Christmas Gift from Bob ที่เล่าถึงตอนที่เจมส์และบ๊อบใช้เวลาร่วมกันในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ก่อนที่เจมส์จะได้ผันตัวเองมาเป็นนักเขียนหนังสือขายดีในที่สุด

เราจึงเริ่มต้นเดินหน้าโปรเจคต์นี้อย่างเป็นทางการกัน โดยมีเป้าหมายคือการสร้างภาพยนตร์ให้เข้ากับช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึง ด้วยเนื้อหาที่ดูกันได้ทั้งครอบครัว เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี โดยมีเรื่องราวต่อมาจาก A Street Cat Named Bob ด้าน แกร์รี่ เจนกินส์ เข้ามารับตำแหน่งผู้เขียนบทภาพยนตร์ เรียกว่าไม่มีใครที่จะเหมาะสมไปกว่าเขาอีกแล้ว เพราะเขาเองคือหนึ่งในผู้เขียนฉบับหนังสือ
ในเวลาเดียวกัน DDDream ค่ายผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ภาคแรกในจีนได้สอบถามเรามาว่า ตัวหนังนั้นจะมีการสร้างภาคต่อออกมาอีกไหม ดังนั้นด้วยการที่มีผู้จัดจำหน่ายให้ความสนใจในภาพยนตร์ชุดนี้อยู่แล้ว แกร์รี่ เจนกินส์ จึงเริ่มต้นลงมือเขียนบทภาพยนตร์ทันที และในช่วงเดือนมีนาคม ค.ศ. 2019 เราก็ได้มีบทภาพยนตร์ที่ผ่านการอนุมัติจากเจ้าของเรื่องอย่างเจมส์เป็นที่เรียบร้อย ดังนั้นจากบทเราจึงพร้อมสำหรับขั้นตอนต่อไปคือการถ่ายทำอย่างแน่นอนแล้ว
ข้อได้เปรียบสำคัญที่เป็นประโยชน์ในภาคแรกเลยคือ เราสามารถดูจากตารางการถ่ายทำต่างๆ และพอจะรู้ถึงงบประมาณที่จำเป็นต้องใช้ได้อย่างชัดเจน สำหรับในภาคต่อเรายังคงวางแผนการทำการกันอย่างละเอียดรอบคอบเหมือนเช่นเคย แต่น่าเสียดายที่ โรเจอร์ สปอตติสวู้ด ผู้กำกับภาคแรก A Street Cat Named Bob นั้นคิวไม่ว่างที่จะมารับงานกำกับในภาคต่อ
แต่เพื่อนร่วมงานผมได้เสนอชื่อของคนหนึ่งขึ้นมาคือ ชาลส์ มาร์ติน สมิธ เขาคือนักแสดงที่ปัจจุบันผันตัวมาทำงานเบื้องหลังในตำแหน่งผู้กำกับภาพยนตร์ ชาลส์มีเครดิตผลงานที่โดดเด่นในภาพยนตร์แนวครอบครัวและที่มีสัตว์เป็นตัวละครหลัก เช่น จากหนังอย่าง Dolphin Tale 1 & 2 (2011 & 2014) และ A Dog’s Way Home (2019) ซึ่งเป็นหนังที่ใช้ทุนสร้างสูงพอตัวและยังประสบความสำเร็จบนตารางบนบ็อกซ์ออฟฟิศ
ตอนแรกเราไม่คิดว่าชาลส์จะให้ความสนใจในหนังชุดของบ๊อบนี้ เพราะด้วยความที่มันเป็นหนังที่ใช้ทุนสร้างน้อย ซึ่งตรงกันข้ามกับระดับของหนังที่เขาเคยกำกับมา แต่ปรากฏว่าเขาได้มีโอกาสอ่านบทภาพยนตร์ และตัดสินใจที่จะมากำกับในภาคต่อนี้ ชาลส์บอกว่าเขาเป็นแฟนตัวยงของหนังภาคแรกและเขาก็รักในสหราชอาณาจักรอยู่แล้ว เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยกำกับภาพยนตร์ที่มีชื่อเรื่องว่า Stone of Destiny (2008) ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นประสบการณ์การทำงานที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในอาชีพสายงานของเขา
ลุค เทรดาเวย์ นักแสดงชาวอังกฤษที่รับบทเป็น เจมส์ โบเวน ในภาคแรก พร้อมและยินดีที่จะกลับมารับบทบาทนี้อีกครั้ง รวมทั้งสตูดิโอค่ายผู้จัดจำหน่ายต่างๆ ล้วนอยากให้ลุคกลับมารับบทเดิมอยู่แล้ว อีกทั้งผู้กำกับ ชาลส์ ก็เฝ้ารอที่จะได้ร่วมงานกับนักแสดงมากความสามารถอย่างลุค
แล้วด้านอีกตัวละครสำคัญอย่าง บ๊อบ ล่ะ? บ๊อบที่อายุมากขึ้นสี่ปีและยังมีความขี้กังวลอยู่เล็กน้อย บ๊อบจึงต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพจากสัตวแพทย์ก่อนที่จะมาร่วมจอในภาพยนตร์ สำหรับเจ้าแมวในหนังนั้นรับบทโดยทั้งตัวจริงอย่างบ๊อบ รวมถึง ลีโอ, จัฟฟา และตัวอื่นๆ ที่เคยรับบทแทนเป็นบ๊อบมาแล้วในภาคแรก ซึ่งทุกๆ ตัวได้รับการฝึกฝนโดย จิลล์ คลาร์ก ผู้ฝึกสอนแมวที่ร่วมงานมาตั้งแต่ภาคที่แล้วด้วยเช่นกัน
ด้าน แอนโตเนีย โลว์ ผู้ออกแบบงานสร้างจากภาคแรกยังคงกลับมารับตำแหน่งเดิมในภาคต่อนี้ กระบวนการทำงานของ A Christmas Gift from Bob นั้นเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยขั้นตอนเตรียมการถ่ายทำนั้นเริ่มต้นในช่วงเดือนกันยายน ค.ศ.2019 ภายใน สตูดิโอทวิคเคนแนม (Twickenham) เปิดกล้องถ่ายทำในเดือนพฤศจิกายน และสิ้นสุดลงในวันที่ 6 ธันวาคม
มีการถ่ายทำทั้งภายในสถานที่และภายนอกสถานที่ ณ รอบๆ กรุงลอนดอนตะวันตกอยู่หลายแห่ง รวมถึงการสร้างฉากขึ้นมาภายในสตูดิโอทวิคเคนแนม อีกทั้งสถานที่หลักที่ได้รับการกล่าวถึงในหนังสือและหนังภาคแรกอย่าง คอนแวนต์ การ์เดน (Covent Garden) และ แองเจล อิสลิงตัน (Angel Islington) เราก็ยังคงใช้เป็นส่วนของสถานที่ในเรื่องราวภาคต่อนี้เช่นกัน
อีกทั้งยังโชคดีที่ตารางการถ่ายทำของเรานั้นตรงกับช่วงฤดูหนาวและเทศกาลคริสต์มาสอย่างพอดิบพอดี ทำให้เราสามารถเก็บภาพบรรยากาศตามท้องถนนและหน้าร้านค้าต่างๆ ที่ตกแต่งรับกับธีมของเทศกาลแห่งความสุขนี้ในกรุงลอนดอนได้อย่างสมจริง
แน่นอนว่าส่วนสำคัญที่ทำให้เราตื่นเต้นคือ การได้เห็นบ๊อบกลับมายังกองถ่าย ณ สตูดิโอทวิคเคนแนมอีกครั้ง จากสีหน้าของเขาผมรู้สึกว่าบ๊อบยังคงจำสถานที่แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี บ๊อบทั้งสงบนิ่งและสง่าผ่าเผยในแต่ละเทคของการถ่ายทำ การที่ผมได้เห็นบ๊อบร่วมแสดงนี้เป็นอะไรที่ผมไม่เคยเบื่อเลย
อย่างไรก็ตาม ช่างน่าเศร้าที่ บ๊อบ เจ้าแมวแสนโด่งดังอันเป็นที่รักของคนทั่วโลกได้จากเราไปในเดือนมิถุนายน ค.ศ.2020 เรื่องราวของมันจะเป็นที่จดจำตลอดไปผ่านในภาพยนตร์ และในช่วงคริสต์มาส 2020 นี้แฟนๆ จะได้เห็นบ๊อบในผลงานชิ้นสุดท้ายอย่าง A Christmas Gift from Bob ที่จะเข้าฉายในเดือนธันวาคมนี้
เจมส์ โบเวน ได้กล่าวถึงการจากไปของบ๊อบไว้ว่า “บ๊อบได้ช่วยชีวิตผมไว้ บ๊อบเป็นมากกว่าแค่ความเป็นเพื่อน ด้วยการที่มีเขาอยู่เคียงข้างทำให้ผมได้พบกับเส้นทางของชีวิตและบรรรลุจุดหมายบางอย่างที่ผมมักพลาดไป การประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามของเราผ่านหนังสือและภาพยนตร์นั้นมหัศจรรย์มาก ผู้คนนับล้านได้สัมผัสกับเรื่องราวของบ๊อบ ไม่เคยมีแมวตัวไหนเหมือนเขา การจากไปของบ๊อบให้ความรู้สึกเหมือนแสงสว่างที่เกิดดับลงในชีวิต และผมจะไม่มีวันลืมเขา”

ประวัติทีมงาน:
ชาลส์ มาร์ติน สมิธ – ผู้กำกับ
ในฐานะนักแสดง ชาลส์ มาร์ติน สมิธ เริ่มต้นเป็นที่รู้จักจากการรับบทในภาพยนตร์เรื่อง American Graffiti (1973) ของผู้กำกับ จอร์จ ลูคัส และเขายังได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ อีกมากมายเช่น Pat Garrett & Billy the Kid (1973) ของผู้กำกับ แซม เพกคินพาห์, The Buddy Holly Story (1978), Never Cry Wolf (1983), Starman (1984) ของผู้กำกับ จอห์น คาร์เพนเตอร์, The Untouchables (1987) ของผู้กำกับ ไบรอัน เดอ พัลม่า, The Hot Spot (1990), Deep Cover (1992), Deep Impact (1998), Lucky You (2007) เส้นทางสายงานด้านการแสดงของเขานั้นยาวนานถึง 45 ปีเลยทีเดียว
ชาลส์ เกิดที่ลอสแองเจลิส โดยที่พ่อของเขา แฟรงค์ เอ. สมิธ นั้นทำงานเป็นอนิเมเตอร์และผู้กำกับ ชาลส์เข้าเรียนที่ University of California, Los Angeles (UCLA) และ California State University, Northridge (CSUN) วิชาเอกการละคร โดยเน้นการกำกับ หลังจากจบมหาวิทยาลัยเขาเข้าเรียนคอร์สแบบส่วนตัวกับ นีน่า ฟอล์ก นักแสดงและผู้กำกับชาวอเมริกันเชื้อสายดัตช์ที่สตูดิโอของเธอในฮอลลีวูด ในขณะที่เขาเองก็ประสบความสำเร็จในงานด้านการแสดง เขียนบท และการกำกับด้วยเช่นกัน
ชาลส์ เปิดตัวผลงานการกำกับภาพยนตร์ด้วย Trick or Treat (1986) ผลงานสยองขวัญเสียดสี โดยได้ ดิโน เดอ ลอเรนติส เป็นผู้อำนวยการสร้าง ชาลส์ยังกำกับ Buffy The Vampire Slayer (1996) ฉบับภาพยนตร์โทรทัศน์ความยาว 2 ชั่วโมงที่ได้กลายเป็นทีวีซีรีส์ยอดฮิตในเวลาต่อมา, Roughing It (2002) มินิซีรีส์ความ 4 ชั่วโมงที่ออกฉายทางช่องฮอลล์มาร์ค และ Icon (2005) ที่สร้างจากหนังสือขายดีโดย เฟรเดอริก ฟอร์ไซธ์
ในปีค.ศ. 1997 เขากำกับภาพยนตร์ให้สตูดิโอดิสนีย์เรื่อง Air Bud ที่ได้กลายเป็นก้าวสำคัญในชีวิตของเขา เพราะตัวหนังนั้นทั้งประสบความสำเร็จบนตารางบ็อกซ์ออฟฟิศ และยังได้รับรางวัล Golden Reel สำหรับการเป็นภาพยนตร์แคนาดาที่ทำรายได้สูงสุด จากความสำเร็จของ Air Bud ทำให้เขาได้พัฒนาความสัมพันธ์อันดีกับสตูดิโอ Infinity Features ที่มีหนังเด่นอย่าง Capote (2005), The Imaginarium of Doctor Parnassus (2009) และผู้อำนวยการสร้าง บิล วินซ์ และ ร็อบ เมอริลีส์

จากการร่วมงานกับ Infinity เขาได้เขียนบทและกำกับภาพยนตร์ดราม่า-ผจญภัยเรื่อง The Snow Walker (2003) นำแสดงโดย แบร์รี่ เปปเปอร์ และ เจมส์ ครอมเวล โดยตัวหนังนั้นได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง 9 รางวัลจีนี่ (Genie Awards) ในสาขา อาทิ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม ถัดมาเขาได้เขียนบทและกำกับภาพยนตร์ที่เป็นการร่วมทุนกันระหว่าง สหราชอาณาจักร และ แคนาดา เรื่อง Stone of Destiny (2008) นำแสดงโดย ชาร์ลี ค็อกซ์, เคท มาร่า, บิลลี่ บอยด์ และ โรเบิร์ต คาร์ลิล ตัวหนังนั้นได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสาขา ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากเวที บาฟต้า สก็อตแลนด์ (BAFTA Scotland) รวมถึงสาขา ผู้กำกับยอดเยี่ยม และได้รับการฉายปิดในงานไนท์กาล่า ณ เทศกาลภาพยนตร์โตรอนโตปี ค.ศ. 2008 อีกทั้งยังได้รับรางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์ต่างๆ ทั่วโลก เช่น ผู้กำกับยอดเยี่ยม จากเวที เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปาล์มบีช (Palm Beach International Film Festival)
ด้านงานในสายโทรทัศน์ ชาลส์ ได้กำกับซีรีส์ความยาวตอนหนึ่งชั่วโมงหลายเรื่องทั้งในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา เช่น Space: Above and Beyond (Fox), Da Vinci’s Inquest (CBC), Da Vinci’s City Hall (CBC), Intelligence, (CBC)
ในปี ค.ศ. 2011 ชาลส์ ได้ร่วมเขียนบทและกำกับภาพยนตร์เรื่อง Dolphin Tale ให้แก่ Alcon Entertainment และ Warner Brothers โดยหนังนั้นสร้างจากเรื่องจริงของ วินเทอร์ ปลาโลมาที่ได้รับการช่วยชีวิตไว้ด้วยการใช้หางเทียม นำแสดงโดย มอร์แกน ฟรีแมน, แอชลีย์ จัดด์ และ แฮร์รี่ คอนนิค จูเนียร์ ภาพยนตร์นั้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เปิดตัวอันดับ 1 บนตารางบ็อกซ์ออฟฟิศ ทำเงินในสหรัฐอเมริกาไปกว่า 70 ล้านเหรียญฯ และรวมทั่วโลกกว่า 100 ล้านเหรียญฯ
จากความสำเร็จนั้นทำให้ Warner Brothers อนุมัติให้ชาลส์เขียนบทและสร้างภาคต่อ Dolphin Tale 2 (2014) ออกมา โดยได้นักแสดงชุดเดิมกลับมารับบท โดยเนื้อเรื่องนั้นมีทั้ง วินเทอร์ ปลาตัวเดิมจากภาคแรก และ โฮป ปลาโลมาตัวใหม่ที่เพิ่งได้รับการช่วยเหลือมา
ในปี ค.ศ. 2018 ชาลส์กำกับภาพยนตร์เรื่อง A Dog’s Way Home (2019) ให้กับ Columbia Pictures/SONY นำแสดงโดย แอชลีย์ จัดด์, เอ็ดเวิร์ด เจมส์ ออลมอส และ โจน่าห์ ฮาวเออร์-คิง สร้างจากหนังสือที่เขียนโดย บรูซ แคเมอรอน ปัจจุบันชาลส์ยังคงเขียนบท กำกับ และพัฒนาโปรเจคต์ภาพยนตร์เรื่องต่างๆ โดยมักจะทำงานอยู่ที่สองแห่งนั่นคือ ลอสแองเจลิส และ แวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา
แกร์รี่ เจนกินส์ – ผู้เขียนบท
แกร์รี่ เจนกินส์ ทำงานในสายนักเขียนและนักข่าว ตลอดในสายอาชีพงาน 25 ปี เขาเขียนบทความลงในนิตยสารและหนังสือพิมพ์ตั้งแต่ Elle จนถึง Time Out และ Daily Mail ปัจจุบันเขาเขียนให้กับ The Times เป็นประจำ และเขายังมีโอกาสได้ร่วมงานกับหนังสือเกี่ยวกับสัตว์ขายดีหลายเล่ม
อดัม โรลสตัน – ผู้อำนวยการสร้าง
อดัม อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง A Street Cat Named Bob ที่สร้างมาจากหนังสือขายดีระดับโลก เขียนโดย เจมส์ โบเวน ภาพยนตร์นั้นได้เข้าฉายตามแต่ละประเทศต่างๆ ในปี ค.ศ. 2016 และทำรายได้รวมทั่วโลก 18 ล้านเหรียญฯ
อดัม ยังได้อำนวยการผลิตภาพยนตร์เรื่อง A Guide to Second Date Sex (2019) นำแสดงโดย จอร์จ แม็กเคย์ และ อเล็กซานดร้า โรช เขายังอำนวยการสร้างซีรีส์อนิเมชั่นขนาดสั้นที่สร้างจากหนังสือ Street Cat Bob ที่ออกฉายทางช่อง Sky Kids ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2020
ก่อนที่จะเข้าสายงานด้านอำนวยการสร้าง โดยส่วนตัวแล้ว อดัม มีพื้นฐานด้านการเขียนบทละคร เขาเคยเขียนบทละครเวทีเพลง A Sentimental Journey: The Story of Doris Day ที่ประสบความสำเร็จในการจัดแสดง ณ ลอนดอน, เอดินบะระ, ลอสแองเจลิส และปัจจุบันได้มีการจัดแสดงไปทั่วยุโรป เขาเคยขายผลงานบทที่ตัวเองเขียนเมื่อตอนอายุเพียง 18 ปี อดัม สำเร็จการศึกษาจาก Royal Holloway MA สาขาการเขียนบทภาพยนตร์และโทรทัศน์

เทรซี จาร์วิส – ผู้อำนวยการสร้าง
หลังจากใช้เวลาหลายปีในอุตสาหกรรมการเงิน ปัจจุบัน เทรซี ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการร่วมของ Beresford Management และ Parkhouse Pictures
Beresford Management เป็นบริษัทเอเจนซี่ที่ตั้งอยู่ ณ กรุงลอนดอน รับดูแลและผลิตผลงานหลากหลายทั้งภาพยนตร์, โทรทัศน์, โรงละคร, โฆษณา และเสียงพากย์
Parkhouse Pictures คือบริษัทภาพยนตร์ของอังกฤษที่เน้นการผลิตผลงานที่หลากหลายในระดับเกณฑ์คุณภาพสำหรับผู้ชมในสหราชอาณาจักร รวมไปถึงทั่วโลก อาทิผลงานเช่น A Midsummer Night’s Dream ที่สร้างจากงานเขียนของ วิลเลียม เชกสเปียร์, The Kindred ภาพยนตร์แนวสยองขวัญจิตวิทยา, Anna and the Apocalypse (2017) ภาพยนตร์มิวสิคัลสยองขวัญที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง 2 รางวัลบาฟต้าในสาขา ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และ นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม
สตีฟ จาร์วิส – ผู้อำนวยการสร้าง
สตีฟ เชี่ยวชาญในสายงานด้านการโทรคมนาคมและการจัดการบัญชี โดยเขาเป็นเจ้าของและได้ขาย ATS ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ในปี ค.ศ. 2015 สตีฟ เบนความสนใจของตัวเองมาสู่ภาพยนตร์และได้นั่งแท่นมาเป็นผู้อำนวยการผลิตในภาพยนตร์เรื่อง Anna and the Apocalypse (2017) ที่คว้ารางวัล ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ณ เวที Sitges Film Festival
สตีฟ ทำงานร่วมกับ เทรซี ณ Parkhouse Pictures เขาได้ร่วมอำนวยการสร้างภาพยนตร์ A Midsummer Night’s Dream ที่ดัดแปลงมาจากงานเขียนของ วิลเลียม เชกสเปียร์ สู่ฉบับที่ทันสมัยขึ้นตามยุค นำแสดงโดย โรเบิร์ต ลินด์เซย์, ฟลอเรนซ์ คาซุมบะ และ จูเลียต ออเบรย์
สตีฟ ยังได้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง Cassette ภาพยนตร์สยองขวัญแนวฟาวด์ ฟุตเทจ ที่ครั้งนี้จะนำเสนอถึงเทรนด์ของวีล็อกที่ได้กลายเป็นที่นิยมไปทั่วโลก ปัจจุบันหนังอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการตัดต่อ รวมถึงภาพยนตร์เรื่อง The Kindred นำแสดงโดย เบลก แฮร์ริสัน, เอพริล เพียร์สัน และ ซาแมนธา บอนด์

เดวิด คอนเนลล์ – ผู้กำกับภาพ
เดวิด คอนเนลล์ เขาคือช่างภาพมือรางวัลชาวออสเตรเลีย-อเมริกัน เขาเริ่มต้นในสายงานช่างภาพด้วยการเป็นผู้ช่วยกล้องและคนหมุนโฟกัส เดวิดทำงานเป็นตากล้องข่าวโทรทัศน์ตั้งแต่ตอนอายุ 17 ปี ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเดวิดใช้เวลาเกือบ 30 ปีในการถ่ายทำภาพยนตร์โทรทัศน์และโฆษณา รวมทั้งได้ทำงานร่วมกับผู้อำนวยการสร้าง ดีน เดฟลิน มาเป็นเวลานาน
เดวิด เคยคว้า 2 รางวัลจากเวที CableACE Awards รวมทั้งยังได้รับรางวัลจากเวที Australian Cinematography Society Award of Distinction ถึง 2 ครั้งจากในผลงานภาพยนตร์เรื่อง The Snow Walker (2003) และมินิซีรีส์ Moby Dick (1998) และยังเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสาขา กำกับภาพยอดเยี่ยม ในเวที AFI Award จากภาพยนตร์เรื่อง Boulevard of Broken Dreams (1988)
คริส บลันเดน – ผู้ตัดต่อ
คริส บลันเดน พบว่าตัวเองรักในภาพยนตร์และการตัดต่อจากการที่พ่อของเขา บิล บลันเดน ได้คว้ารางวัลสาขา ลำดับภาพยอดเยี่ยม จากเวที Emmy award คริสเองยังได้มีโอกาสลองตัดต่อภาพยนตร์สั้นเรื่องแรกของตนเองเมื่อตอนอายุได้ 6 ขวบ
คริสเดินตามรอยพ่อของเขา และเริ่มต้นอาชีพตัดต่อสารคดีให้กับทางช่อง BBC
ถัดมาเขาได้รับโอกาสให้ทำงานในผลงานภาพยนตร์ กับตำแหน่งผู้ช่วยตัดต่อ, ตัดต่อวิชวลเอฟเฟกต์ และตัดต่อเสียงในภาพยนตร์หลากหลายเรื่อง
คริสยังคงเดินหน้าในสายงานตัดต่อ ด้วยผลงานภาพยนตร์ในสหราชอาณาจักรและทั่วโลก เขาทำงานในยุโรป, สหรัฐอเมริกา และจีน ปัจจุบันคริสตัดต่อภาพยนตร์ไปแล้วกว่า 30 เรื่อง และทีวีซีรีส์อีกกว่า 10 เรื่อง
ความทุ่มเทในงานตัดต่อภาพยนตร์ของเขาเป็นที่ยอมรับและได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวาง คริสได้รับเชิญให้เป็นสมาชิกของ สมาคมนักตัดต่ออเมริกัน (ACE) ในปี ค.ศ. 2010
แพทริค นีล – ผู้แต่งดนตรีประกอบ
แพทริค นีล คือนักแต่งดนตรีให้กับภาพยนตร์และโทรทัศน์ เขาแต่งดนตรีประกอบให้กับ Nae Pasaran (2018) ที่กลายเป็นผลงานภาพยนตร์สารคดีที่คว้ารางวัล ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากเวที บาฟต้า สก็อตแลนด์ (BAFTA Scotland) ผลงานการแต่งดนตรีประกอบอื่นๆ ของเขา อาทิ ในภาพยนตร์เรื่อง The Legend of Longwood (2014), Kepler’s Dream (2016) รวมถึงในทีวีซีรีส์เรื่อง The Moonstone (2016) ที่ออกฉายทางช่อง BBC One และในภาพยนตร์สั้น Angels of Our Past (2018) ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสาขา ภาพยนตร์สั้นยอดเยี่ยม จากเวที East End Film Festival และ A Pornographer Woos (2016) ที่ได้ออกฉายในเวที London Short Film Festival, Leeds International Film Festival และ Belfast Film Festival
แพทริค ยังได้แต่งดนตรีประกอบให้กับหนังสือเสียงชุด Harry Potter: A History of Magic ในปี ค.ศ. 2018 ซึ่งอำนวยการผลิตโดย Pottermore ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ เจ.เค.โรว์ลิ่ง จัดทำขึ้นเพื่อให้แฟนๆ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ได้รับรู้ข้อมูลในโลกเวทมนตร์
บริษัท ALIGN ณ ลอสแอนเจลิส, แคลิฟอร์เนีย
Align เป็นบริษัทผลิตภาพยนตร์และจัดหาเงินทุน ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 2019 โดย เอเดรียน โพลิทาวสกี้ และ นาเดียร์ คำลิชี
บริษัทนั้นได้รับการสนับสนุนจากกองทุน Greenlight ด้วยจำนวนเงิน 250 ล้านเหรียญฯ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2019 ถึงปี ค.ศ. 2022 ด้วยแนวทางที่มุ่งเน้นในการจัดหาทุนให้แก่ภาพยนตร์และโทรทัศน์อย่างเต็มที่ ทางบริษัทจึงมุ่งเน้นไปที่การสร้างโปรเจคต์จำนวน 4-5 ชิ้นต่อปี โดยมีงบประมาณตั้งแต่ 5 ล้านเหรียญฯ ถึง 30 ล้านเหรียญฯ โดยผลงานเมื่อเร็วๆ นี้ ได้แก่ Blithe Spirit (2020) กำกับโดย เอ็ดเวิร์ด ฮอลล์ และ Love, Weddings & Other Disasters (2020) กำกับโดย เดนนิส ดูแกน
สตูดิโอ ทวิคเคนแนม (TWICKENHAM STUDIOS) ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ด้วยระยะเวลากว่า 100 ปี สตูดิโอทวิคเคนแนมได้สร้างภาพยนตร์เรื่องดังที่เป็นที่จดจำต่อวงการภาพยนตร์มาแล้วอย่าง Straw Dogs (1971), The Eagle Has Landed (1976), Blade Runner (1982),
An American Werewolf in London (1981), War Horse (2011), Gandhi (1982) รวมไปถึงภาพยนตร์ชุด Superman และภาพยนตร์ส่วนใหญ่ที่นำแสดงโดยวง เดอะ บีเทิลส์
สตูดิโอนั้นมีความใส่ใจในทุกกระบวนขั้นตอนการสร้างภาพยนตร์เพื่อผลิตผลงานที่มีคุณภาพออกมาที่สุด ด้วยความพร้อมในด้านอย่าง งานด้านเสียงที่มีครบทั้งระบบอย่าง Dolby Atmos, Home Atmos, IMAX, Foley (โฟเลย์), ADR recording (การอัดเสียงแยกใหม่) และงานด้านภาพที่มีโรงทดลองฉายในระบบฟิล์ม 35 มม., โปรเจคเตอร์ความคมชัดระดับ 4K, จอโทรทัศน์ระบบ UHD/HDR เพื่องานเกรดสี-ปรับแต่งภาพ
เมื่อปีที่แล้วสตูดิโอทวิคเคนแนมยังได้คว้ารางวัลออสการ์และบาฟต้าจากผลงานอย่าง Bohemian Rhapsody (2018) และรางวัลเอมมี่จากทีวีซีรีส์ Black Mirror ในปีนี้สตูดิโอได้สร้างภาพยนตร์ที่เปิดตัวฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโทรอนโตไปแล้วถึง 5 เรื่อง และเปิดตัวฉายในเทศกาลภาพยนตร์ลอนดอนไปแล้วอีก 2 เรื่อง
ทีมนักแสดง
เจมส์ โบเวน และ เจ้าแมว บ๊อบ
เจมส์ โบเวน เคยเป็นคนขับรถบัส และได้เข้ารับบำบัดจากการติดยาเสพติดในปี ค.ศ. 2007 เขาได้ช่วยเหลือแมวที่บาดเจ็บและถูกทอดทิ้งไว้ให้มันกลับมามีร่างกายที่แข็งแรงขึ้นอีกครั้ง เจมส์และเจ้าแมวบ๊อบได้กลายเป็นภาพจำของผู้คน ด้วยการที่ทั้งคู่มักจะอยู่ด้วยกันชนิดตัวแทบติดกันเสมอๆ
ในปี ค.ศ. 2012 เจมส์ได้เขียนหนังสือที่มีชื่อว่า A Street Cat Named Bob ที่เป็นบันทึกความทรงจำเกี่ยวกับมิตรภาพของเขาและบ๊อบ จนได้กลายเป็นหนังสือขายดีระดับโลก และได้รับการดัดแปลงมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในชื่อเดียวกันที่ออกฉายในปี ค.ศ. 2016
ปัจจุบันเจมส์ยังคงอาศัยอยู่ในกรุงลอนดอน ซึ่งเขาแต่งเพลงและเป็นผู้สนับสนุนด้านการกุศลแก่บุคคลไร้บ้าน และองค์กรด้านสวัสดิภาพของสัตว์
ลุค เทรดาเวย์
ลุค เพิ่งมีผลงานการรับบทนำไปในทีวีซีรีส์ The Singapore Grip (2020) ที่ร่วมนำแสดงโดย เดวิด มอร์ริสเซย์ นอกจากนี้เขายังเคยรับบทในทีวีซีรีส์ Fortitude (2015-2018), Traitors (2019), The Hollow Crown (2013-2016), The Nightmare Worlds of H.G. Wells (2016)
การรับทของลุคใน A Street Cat Named Bob (2016) เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ซึ่งเขายังคงกลับมารับบทเดิมในภาคต่อนี้อีกครั้ง ผลงานการร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องเด่นอื่นๆ ของลุค อาทิ Unbroken (2014) ของผู้กำกับ แอนเจลีนา โจลี และ Cheerful Weather for the Wedding (2012) ภาพยนตร์อินดี้สุดฮิตของอังกฤษ
ด้านการแสดงละครเวที ลุคเคยร่วมแสดงใน The Curious Incident of the Dog in the Night-Time ที่ได้รับรางวัลด้านการแสดงจากเวที Olivier Awards รวมถึงเรื่อง Warhorse และ Who’s Afraid of Virginia Woolf? ที่ร่วมแสดงโดย อิเมลด้า สตอนตัน

คริสติน่า ทอนเทอรี่-ยัง
คริสติน่า เป็นนักแสดงที่มีพื้นฐานด้านการเต้นบัลเล่ต์และการเล่นดนตรีคลาสสิก เธอฝึกฝนความสามารถนี้ที่สถาบัน Guildhall School of Music and Drama ในกรุงลอนดอน และที่สถาบัน Bolshoi Ballet Academy ในกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เธอเป็นที่รู้จักจากการร่วมแสดงในซีรีส์ Warrior Nun (2020) ที่ออกฉายทาง Netflix ซึ่งนอกจากผลงานล่าสุดอย่าง A Christmas Gift from Bob (2020) แล้ว เร็วๆ นี้เธอกำลังจะมีผลงานภาพยนตร์อีก 2 เรื่องคือ The Swan และ Outside the Wire ที่ปัจจุบันหนังอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการตัดต่อ
ทิม เพลสเตอร์
ทิม เคยร่วมแสดงในผลงานมากมายอย่าง ซีรีส์ After Life (2019), Game of Thrones (2013-2016), Doctor Who (2010) ภาพยนตร์เรื่อง Bohemian Rhapsody (2018), Lockout (2012), Control (2007), Kick-Ass (2010) ทิมยังเป็นผู้สร้างภาพยนตร์และผู้เขียนบทละครที่เคยได้รับรางวัลอีกด้วย ผลงานสารคดีเรื่องดังของเขา Way of the Morris (2011) ได้รับการฉายรอบปฐมทัศน์ที่เทศกาล South by Southwest (SXSW) ในปี ค.ศ. 2011
ฟาลดุต ชาร์มา
ฟาลดุต ชาร์มา คือนักแสดงมืออาชีพที่มีผลงานในวงการมาแล้วกว่า 25 ปี เขาเพิ่งมีผลงานการร่วมแสดงไปในทีวีซีรีส์ Unforgotten (2020) และยังเคยร่วมแสดงในซีรีส์เรื่องเด่นอย่าง The Singapore Grip (2020), The Accident (2019), Hanna (2019) ฟาลดุต ยังได้เคยร่วมงานกับผู้กำกับชื่อดัง อัลฟอนโซ กัวรอน ในภาพยนตร์เรื่อง Gravity (2013), Children of Men (2006)
ด้านงานแสดงสายละครเวที เขาเคยร่วมแสดงในเรื่อง The Rat Pack Confidential ซึ่งเป็นผลงานที่ทำให้เขาได้รับเสียงชื่นชมด้านการแสดงอย่างเป็นเอกฉันท์ รวมถึงเรื่อง Macbeth ประกบคู่กับนักแสดงมากฝีมือ มาร์ก ไรแลนซ์, เจน ฮอร์ร็อกส์ และเรื่อง Another World ซึ่งเป็นผลงานที่ได้รับการพูดถึงเป็นกว้าง ด้วยเนื้อหาที่นำเสนอถึงความรุนแรงของรัฐอิสลามต่อเด็กในยุโรป