THE NEW MUTANTS มิวแทนท์รุ่นใหม่

THE NEW MUTANTS  มิวแทนท์รุ่นใหม่

เข้าฉาย: 27 สิงหาคม 2563

ประเภท: แอ็คชั่น-ระทึกขวัญ

ผู้กำกับ: จอช บูน

นักแสดง: เมซี่ วิลเลียมส์, อันย่า เทย์เลอร์-จอย, ชาร์ลีย์ เฮตัน, อลิซ บราก้า, บลู ฮันท์, และ เฮนรี่ ซากา

เทวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์ ร่วมกับมาร์เวล เอนเตอร์เทนเมนท์ ภูมิใจเสนอ “THE NEW MUTANTS – มิวแทนท์รุ่นใหม่” ภาพยนตร์สยองขวัญสุดสะพรึง กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลอันโดดเดี่ยว ที่เหล่ามนุษย์กลายพันธุ์วัยรุ่นถูกกักตัวไว้เพื่อสังเกตุการณ์สภาวะทางจิต เมื่อเหตุการณ์แปลกประหลาดเริ่มก่อตัวขึ้น พลังพิเศษและมิตรภาพของเหล่ามิวแทนท์รุ่นใหม่จะถูกทดสอบ ในการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดออกไปจากสถานที่แห่งนี้อย่างปลอดภัย กำกับโดยจอช บูน บทภาพยนตร์โดยจอช บูน และคเนท ลี “THE NEW MUTANTS – มิวแทนท์รุ่นใหม่” นำแสดงโดยเมซี่ วิลเลียมส์, อันย่า เทย์เลอร์-จอย, ชาร์ลีย์ เฮตัน, อลิซ บราก้า, บลู ฮันท์, และ เฮนรี่ ซากา อำนวยการสร้างโดยไซมอน คินเบิร์ก, คาเรน โรเซนเฟลท์ และลอว์เรน ชูเลอร์ ดอนเนอร์ ร่วมด้วยสแตน ลี และมิเชล อิมเพอร์ราโต้ สเตบิล เป็นผู้อำนวยการสร้างบริหาร

THE NEW MUTANTS  มิวแทนท์รุ่นใหม่

THE NEW MUTANTS

มิวแทนท์รุ่นใหม่

Release Date: August 27th 2020

Genre: Action Thriller

Director: Josh Boone

Cast: Maisie Williams, Anya Taylor-Joy, Charlie Heaton, Alice Braga, Blu Hunt and Henry Zaga

Twentieth Century Fox in association with Marvel Entertainment presents “The New Mutants,” an original horror thriller set in an isolated hospital where a group of young mutants is being held for psychiatric monitoring. When strange occurrences begin to take place, both their new mutant abilities and their friendships will be tested as they battle to try and make it out alive. Directed by Josh Boone and written by Josh Boone & Knate Lee, “The New Mutants” stars: Maisie Williams, Anya Taylor-Joy, Charlie Heaton, Alice Braga, Blu Hunt and Henry Zaga. The film is produced by Simon Kinberg, p.g.a., Karen Rosenfelt, p.g.a. and Lauren Shuler Donner with Stan Lee and Michele Imperato Stabile serving as executive producers.

ทเวนตี้ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ร่วมกับมาร์เวล เอนเตอร์เทนเมนต์ ภูมิใจเสนอ “The New Mutants” ภาพยนตร์ทริลเลอร์สยองขวัญเรื่องใหม่ จากผู้กำกับจอช บูน และผู้เขียนบทบูนและคเนท ลี ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดยทีมนักแสดงดาวรุ่งที่น่าประทับใจ ซึ่งรวมถึงเมซี่ วิลเลียมส์, อันย่า เทย์เลอร์-จอย, ชาร์ลีย์ เฮตัน, อลิซ บราก้า, เฮนรี่ ซากา และบลู ฮันท์ ผู้อำนวยการสร้างของเรื่องได้แก่ไซมอน คินเบิร์ก, คาเรน โรเซนเฟลท์ และลอว์เรน ชูเลอร์ ดอนเนอร์ โดยมีสแตน ลี และมิเชล อิมเพอร์ราโต้ สเตบิล รับหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างบริหาร

                เรห์น ซินแคลร์ (วิลเลียมส์), อิลลิอาน่า รัสปูติน (เทย์เลอร์-จอย), แซม กัธรีย์ (เฮตัน) และโรแบร์โต้ เดอ คอสตา (ซากา) คือมนุษย์กลายพันธุ์หนุ่มสาวสี่คนที่ถูกกักตัวอยู่ในโรงพยาบาลที่ห่างไกลผู้คน เพื่อสังเกตสภาพทางจิตใจของพวกเขา ดร.เซซิเลีย เรเยส (บราก้า) ผู้เชื่อว่าวัยรุ่นทั้งสี่คนเป็นอันตรายทั้งต่อตัวเองและสังคมโดยรวม จับตามองพวกเขาอย่างใกล้ชิดพร้อมไปกับการพยายามสอนให้พวกเขาควบคุมพลังมนุษย์กลายพันธุ์ของพวกเขาเอาไว้ เมื่อเด็กใหม่ แดเนียล “แดนี่” มูนสตาร์ ฮันท์) ได้เข้ามาอยู่ร่วมกับคนไข้คนอื่นๆ ในโรงพยาบาลแห่งนี้ เรื่องประหลาดๆ ก็เริ่มเกิดขึ้น คนไข้ของโรงพยาบาลถูกคุกคามไปด้วยภาพหลอนและภาพแฟลชแบ็ค และทั้งพลังมนุษย์กลายพันธุ์รุ่นใหม่และมิตรภาพระหว่างพวกเขาก็จะต้องถูกทดสอบเมื่อพวกเขาต่อสู้ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด

จากหน้ากระดาษสู่หน้าจอ

                สมัยเด็ก จอช บูน (“The Fault in our Stars”) และคู่หูการเขียนบทของเขา คเนท ลี (“Kidnap”) เป็นคอหนังสือการ์ตูนที่คลั่งไคล้ทุกอย่างที่เป็นมาร์เวล ตอนเป็นเด็ก พวกเขาเคยเขียนและวาดภาพการ์ตูนของตัวเองในโรงรถของพ่อแม่ของพวกเขา ซึ่งพวกเขาก็นำไปขายให้กับเพื่อนๆ และครอบครัว

                การเป็นวัยรุ่นก็เป็นเรื่องสยองในตัวมันเองอยู่แล้ว และอุปสรรคที่วัยรุ่นต้องเผชิญก็โดนใจบูนเป็นพิเศษ เขาชื่นชอบเรื่องราวสยองขวัญอย่าง “The Stand” ของสตีเฟน คิงและภาพยนตร์สยองขวัญอย่าง “The Shining,” “Nightmare on Elm Street 3: Dream Warriors” และ “Jacobs Ladder” แต่ด้วยความที่เขาเป็นลูกชายของพ่อแม่ผู้นับถือคริสต์นิกายอีแวนเจลิคัล เขาก็เลยรู้สึกอับอายและถูกลงโทษจากการที่เขาสนใจเรื่องราวที่มืดหม่นและเพ้อฝันพวกนั้น

                ผลลัพธ์คือการที่การ์ตูนเรื่องโปรดบางเรื่องตอนที่เขาโตขึ้นจะเกี่ยวกับเรื่องความยากลำบากของวัยรุ่นและเรื่องทุกข์ใจในการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ “ตอนผมโตขึ้นมา ผมเข้าถึงหนังอย่าง ‘The Lost Boys’ ที่มีเด็กกลุ่มหนึ่งที่ดิ้นรนอยู่กับการเป็นวัยรุ่น” บูนกล่าว “หนังพวกนี้ทำให้ผมตระหนักได้ว่าผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลกใบนี้”

                บูนและลีต่างก็เป็นแฟนการ์ตูน “X-Men” และพวกเขาก็สนใจเป็นพิเศษกับเส้นเรื่องของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์รุ่นใหม่ซึ่งเปิดตัวในมาร์เวล กราฟิก โนเวลเล่มที่ 4 ในปี 1982 ซีรีส์การ์ตูนเรื่องนี้ ที่เขียนโดยคริส แคลร์มอนท์ และวาดภาพประกอบโดยบ็อบ แม็คลีอ็อด ได้แนะนำตัวละครกลุ่มใหม่ที่ไม่ค่อยมีอะไรเหมือนกับบรรดานักเรียนจากโรงเรียนเพื่อเด็กผู้มีความสามารถพิเศษของศาสตราจารย์ชาร์ลส์ ซาเวียร์ซักเท่าไหร่

                พลังและแบ็คกราวน์ของตัวละครมีความแปลกพิสดารมากกว่าและเกี่ยวข้องกับเรื่องทางจิตวิทยามากกว่าเมื่อเทียบกับตัวละครในเส้นเรื่องหลักของ “X-Men” “มันเป็นการ์ตูนสปินออฟจาก XMen เรื่องแรก และมันก็เกิดขึ้นมาในตอนที่เราคิดว่า X-Men ตายไปแล้ว ดังนั้น ซาเวียร์ก็เลยต้องรวมนักเรียนรุ่นใหม่ขึ้นมาอีก” บูนอธิบาย

THE NEW MUTANTS 
มิวแทนท์รุ่นใหม่

                ในปี 1984 นักวาดภาพกราฟิก บิล เซียนคีวิคซ์ได้ก้าวมาเป็นนักวาดภาพประกอบเรื่องราว และการดำเนินเรื่องก็มีความเป็นผู้ใหญ่ขึ้นด้วยโทนที่มืดหม่นลง “มันเป็นเพราะงานเขียนของแคลร์มอนท์และภาพวาดที่เกือบๆ จะออกไปทางแอ็บสแทร็คของเซียนคีวิคซ์ด้วยที่ทำให้เกิดความรู้สึกแบบหนังสยองขวัญน่ะครับ” ลีกล่าว

                ภายในเส้นเรื่องของมนุษย์กลายพันธุ์รุ่นใหม่ มีตำนานปีศาจหมีที่เกี่ยวข้องกับวัยรุ่นชาวเนทีฟ อเมริกัน แดนี่ มูนสตาร์ ที่เผชิญหน้ากับปีศาจของตัวเอง ทั้งแบบจริงๆ และในเชิงเปรียบเทียบ และบรรดามนุษย์กลายพันธุ์รุ่นใหม่ก็ถูกบีบให้ก้าวข้ามความเคลือบแคลงในตัวเองและความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ และร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อรักษาชีวิตของเพื่อนใหม่ของพวกเขาให้ได้ บูนและลีต่างก็เชื่อว่า มันเป็นแบ็คดร็อปที่เพอร์เฟ็กต์สำหรับเรื่องราวออริจินอลที่ใช้ตัวละครที่มีอยู่แล้วเหล่านี้และคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องราวที่เหมาะกับการขึ้นสู่จอเงิน

                หนังสือการ์ตูนพวกนี้นี่เองที่ทำให้เด็กหนุ่มที่ใฝ่ฝันจะเป็นคนทำงานเบื้องหลังทั้งสองได้เรียนรู้เกี่ยวกับแง่มุมที่จำเป็นต่อการเขียนบทภาพยนตร์ “ผมกับจอชโตขึ้นมากับการอ่านการ์ตูนในยุค 80s ครับ” ลีอธิบาย “เราก็เลยได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเล่าเรื่อง การสร้างช็อตและความสัมพันธ์ของพัฒนาการตัวละครจากการอ่านการ์ตูนมาร์เวลตลอดเวลาครับ”

                ความหลังระหว่างทเวนตี้ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์และแฟรนไชส์ “X-Men” เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2000 และการเข้าฉายของ “X-Men” ภาคแรก ผู้อำนวยการสร้างไซมอน คินเบิร์กได้อำนวยการภาพยนตร์หกเรื่องในแฟรนไชส์นี้และบูนก็รู้ดีว่า เขาเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้โปรเจ็กต์มนุษย์กลายพันธุ์รุ่นใหม่เริ่มต้นขึ้นได้ “เราอยากให้มันเป็นเรื่องราวสยองขวัญ เรื่องราวที่ถ่ายทอดถึงความสยองขวัญที่แท้จริงของการเป็นวัยรุ่นที่ค้นหาตัวเอง” บูนกล่าว “และเขาก็เป็นคนที่เข้าใจว่าเราจะต้องผลักดันหนังพวกนี้เพื่อทำให้มันมีเอกลักษณ์ของตัวเองและมีอัตลักษณ์ที่โดดเด่นของตัวเองมากกว่าใครๆ ครับ”

                บูนและลีร่วมกันเสนอเรื่องราวที่มีตัวเอกหญิง ภายใต้กรอบของเส้นเรื่องปีศาจหมี ที่แนะนำมนุษย์กลายพันธุ์รุ่นใหม่ให้ผู้ชมกลุ่มใหม่ ให้กับคินเบิร์ก “แม้ว่าเราจะใช้ธีมที่คล้ายๆ กับในการ์ตูน แต่มันก็เป็นเรื่องราวที่เป็นเอกลักษณ์ของมันเอง” บูนกล่าว “แม้ว่าจะมีการอ้างถึง X-Men อยู่บ้างและตัวละครของเราก็รู้ว่าพวก X-Men เป็นใคร แต่นี่เป็นโลกสแตนด์อโลนที่ถ้าคุณนำเอาตัวละครพวกนี้ไปใส่ใน ‘X-Men’ อีกเรื่องหนึ่ง พวกเขาก็จะดูเหมือนคนนอกน่ะครับ”

                ลีกล่าวเสริมว่า “พวกมนุษย์กลายพันธุ์รุ่นใหม่มักโดดเด่นเสมอสำหรับเราเพราะตัวละครและพลังของพวกเขา รวมถึงเรื่องราวความเป็นมาของพวกเขา มันจะบิดเบี้ยวกว่าพวก X-Men ตัวหลักอยู่ซักนิด และพลังรวมถึงเส้นเรื่องของพวกเขาก็เอื้อไปทางแนวสยองขวัญมากกว่าด้วย”

                ในตอนที่เรื่องราวเริ่มต้นขึ้น ตัวเอกทั้งห้าคนเป็นเด็กที่เปราะบางและสับสน และในตอนจบของเรื่อง พวกเขาทุกคนต่างก็กลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์รุ่นใหม่ และนี่ก็เป็นเรื่องราวที่ถูกบอกเล่าออกมาในรูปแบบที่น่าสนใจ จริงๆ แล้ว บูนมองภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าเป็น “The Breakfast Club” เวอร์ชันมืดมนกว่าด้วย

                “’The New Mutants’ เป็นเรื่องราวการเติบโตเป็นผู้ใหญ่เกี่ยวกับการที่วัยรุ่นยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตเพื่อที่พวกเขาจะได้ก้าวต่อไปสู่อนาคตได้” ผู้อำนวยการสร้างคาเรน โรเซนเฟลท์ (แฟรนไชส์ “Twilight”) “เราทุกคนต่างก็มีความหลังและอดีตที่เราจะต้องก้าวข้ามไป และภายในเรื่องราวนี้ เราก็อยากจะตอบรับการดำเนินเรื่องที่มีแก่นหลักที่สะเทือนอารมณ์อย่างชัดเจนค่ะ”

                “มันยังเป็นหนังสยองขวัญครับ” บูนกล่าวเสริม “เพียงแต่มันเป็นหนังสยองขวัญที่เป็นไปตามธรรมเนียมของนิยายสยองขวัญมากกว่า มันก็เลยเป็นเรื่องที่ถูกขับเคลื่อนด้วยตัวละครมากกว่า ซึ่งก็ช่วยเสริมแง่มุมความสยองขวัญเข้าไปมากขึ้นอีกน่ะครับ”

มนุษย์กลายพันธุ์รุ่นใหม่

                เมื่อถึงเวลาคัดเลือกนักแสดงสำหรับบทมนุษย์กลายพันธุ์วัยรุ่นห้าคน ผู้เป็นหัวใจสำคัญของเรื่องราว ทีมผู้สร้างก็ต้องการจะทำให้แน่ใจว่าบรรดาตัวละครจะสมจริงและน่าเชื่อ ตัวละครแต่ละตัวล้วนแล้วแต่ประสบกับเรื่องทุกข์ทรมานบางอย่าง ที่เกี่ยวข้องกับการมีคนตายหรือมีการทำลายชีวิตของคนอื่นๆ และมือเขียนบท/ผู้กำกับจอช บูนก็อยากให้พวกเขาแตกต่างจากตัวละครตัวอื่นๆ ที่เคยปรากฏในแฟรนไชส์ “X-Men” ก่อนหน้านี้

                โชคดีที่การหานักแสดงที่ดีที่สุดที่จะมาสวมบทตัวละครเหล่านี้เป็นกระบวนการที่ค่อนข้างง่ายเนื่องจากประสบการณ์ที่ผ่านมาของบูนในการรับมือกับนักแสดงรุ่นเยาว์ “จอชเป็นคนที่เข้าใจนักแสดงเป็นอย่างดี” ผู้อำนวยการสร้างคาเรน โรเซนเฟลท์กล่าว “เขาเป็นผู้กำกับที่ให้ความสำคัญกับตัวละครมากๆ เขามองการกำกับในฐานะผู้กำกับของนักแสดงและเข้าใจความรู้สึกของนักแสดงของเขามากๆ”

                “ตัวละครพวกนี้เป็นวัยรุ่นครับ” บูนกล่าว “พวกเขาต้องรับมือกับสิ่งต่างๆ เช่นการรู้สึกอยากมีเซ็กส์ แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีเรื่องเลวร้ายพวกนี้เกิดขึ้นกับพวกเขา ดังนั้น ความตั้งใจของพวกเราคือการให้สิ่งต่างๆ เหล่านั้นเกิดขึ้นในความเป็นจริงนั้นเช่นกันครับ”

                สำหรับบท แดนี่ มูนสตาร์ ชาวเนทีฟเผ่าเชเยนน์ เป็นเรื่องสำคัญที่นักแสดงหญิงที่ได้รับเลือกจะต้องมีความเหมาะสมกับบทนี้ในเชิงวัฒนธรรม บลู ฮันท์ ผู้ได้แสดงในซีรีส์ “The Originals” มีเชื้อสายของชาวเนทีฟ อเมริกัน เผ่าลาโกต้า ฮันท์กระตือรือร้นกับการแสดงบทบาทแรกบนจอเงินของเธอ และตั้งตารอที่จะเอาชนะความกลัวและความคาดหวังที่เกิดขึ้นภายในใจตัวละครของเธอด้วย

                บูนบอกให้นักแสดงหญิงมองภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพนตร์อินดีที่บังเอิญเกี่ยวกับซูเปอร์ฮีโร “ตัวละครทุกตัวมีพลังพิเศษ แต่ทุกครั้งที่พวกเขาใช้พลัง พวกเขาก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองในฐานะคนๆ หนึ่งมากขึ้น” ฮันท์กล่าว “พวกเขาเริ่มเข้าใจตัวเอง และพลังของพวกเขาก็เป็นเหมือนเครื่องดูดฝุ่นที่ใช้ทำแบบนั้นค่ะ”

                แดนี่ ผู้ร่าเริงและนิสัยดี เป็นผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวของหายนะลึกลับ ซึ่งทำลายแหล่งอนุรักษ์ของเธอเสียย่อยยับ เธอถูกตามหลอนด้วยพลังที่เธอไม่เข้าใจ ซึ่งคุกคามตัวเธอและคนรอบข้าง ในฐานะคนไข้รายใหม่สุด เธอรู้สึกเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทางในทันที และการมาถึงของเธอก็นำภาพหลอนและฝันร้ายมาสู่คนไข้คนอื่นๆ

                มนุษย์กลายพันธุ์คนอื่นๆ อยู่ในโรงพยาบาลมาก่อนที่แดนี่จะมาเยือนและเธอก็เป็นเหตุผลที่ทำให้สิ่งต่างๆ เริ่มเปลี่ยนแปลงไป “เธอเข้าไปรบกวนสถานะที่สงบสุขของสถานที่แห่งนี้ และพลังที่เธอไม่รู้ว่าตัวเองมีและไม่รู้วิธีควบคุมมันก็ดึงเอาสิ่งต่างๆ ที่ทำให้เด็กๆ พวกนี้มาลงเอยอยู่ที่นี่ตั้งแต่ตอนแรก ซึ่งทุกอย่างเกี่ยวข้องกับพลังมนุษย์กลายพันธุ์ของพวกเขาทั้งนั้นออกมาน่ะครับ” บูนกล่าว

                “ในตอนที่เราต้อนรับแดนี่เข้าสู่หนังเรื่องนี้ เข้าสู่สถานที่แห่งนี้ เธอก็กำลังหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้น และผู้ชมก็จะเปลี่ยนแปลงความคาดหวังของพวกเขาภายในประมาณ 20 นาทีแรกของหนัง” โรเซนเฟลท์กล่าวเสริม “พวกเขาจะเป็นแบบว่า โอเค นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันคิดว่ามันจะเป็นเลย บลูได้เสริมองค์ประกอบพิเศษเข้าไปในตัวละครตัวนี้จริงๆ”

                เมซี่ วิลเลียมส์  นักแสดงผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมี และโด่งดังจาก “Game of Thrones” ได้รับเลือกให้รับบท เรห์น ซินแคลร์ ชาวสก็อตเคร่งศาสนา ผู้เปลี่ยนร่างกลายเป็นมนุษย์หมาป่า วูลฟ์สเบน “ผมไม่อยากให้คนอื่นนอกจากเมซี่ มารับบทนี้ เธอเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการนี้ตั้งแต่ต้นและในบางแง่มุม ผมก็เขียนบทตัวละครตัวนี้ขึ้นมาสำหรับเธอครับ” บูนกล่าว

                เรห์น ผู้เป็นมิตรและเป็นคนสบายๆ ผู้ซึ่งพลังมนุษย์กลายพันธุ์ของเธอทำให้เธอสามารถเปลี่ยนร่างเป็นหมาป่าได้ มีชื่อเล่นว่าวูลฟ์สเบน เรห์นถูกตามหลอนด้วยความรู้สึกผิดต่อความสามารถของเธอ ซึ่งเธอเชื่อว่าทำให้เธอเป็นคนชั่วร้ายในสายตาของพระเป็นเจ้า และเธอก็ต้องรับมือกับความรู้สึกรักๆ ใคร่ๆ ที่เธอมีต่อเพื่อนเพศเดียวกัน ซึ่งก็คือแดนี่ สมาชิกคนใหม่ของมิลเบรี่นั่นเอง

                “จอชเล่าให้ฉันฟังเกี่ยวกับการเลี้ยงดูที่เขาได้รับมามากมาย และด้วยเหตุนั้น ฉันถึงมีความมั่นใจในตัวเขามากเพราะตัวละครที่ฉันเล่นก็คล้ายกับตรงนั้นมาก” วิลเลียมส์กล่าว “ดังนั้น ตลอดเวลาฉันก็เลยรู้สึกเหมือนว่าฉันจะต้องนำเสนอชีวิตที่แตกต่างออกไป แต่ฉันก็รู้สึกมั่นใจมากๆ ในการรับบทตัวละครตัวนี้เพราะจอชเป็นคนกำกับและเขาก็มีประสบการณ์ตรงเรื่องนี้ ฉันก็เลยรู้สึกปลอดภัยมากๆ ค่ะ”

                อันย่า เทย์เลอร์-จอย ผู้โด่งดังจากผลงานของเธอใน “The Witch,” “Split” และ “Glass” รับบท อิลลิอาน่า รัสปูติน คนไข้ผู้อยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้มานานที่สุด ผู้ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างความดีและความชั่ว ความไร้เดียงสาและความฉ้อฉล ในฐานะมาจิค เธอมีความสามารถในการเดินทางระยะทางไกลได้ในชั่วพริบตา

                อิลลิอาน่า ผู้งดงาม แต่ก็ดื้อรั้นและน่าหวั่นเกรง เติบโตขึ้นมาในไซบีเรีย ที่ซึ่งเธอได้สร้างเพื่อนมังกรในจินตนาการที่ชื่อ ล็อคฮี้ด ที่มีรูปร่างเป็นหุ่นกระบอกในโลกแห่งความเป็นจริง “ล็อคฮี้ดเป็นเพื่อนเพียงตัวเดียวของเธอ เขาเป็นความเชื่อมโยงกับครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวของเธอที่เธอมีตั้งแต่ตอนที่เธออายุได้แปดขวบ เขาก็เลยเป็นเพื่อนคู่ใจ และก็เป็นคนที่ทำให้เธอรู้สึกมั่นคงด้วย” เทย์เลอร์-จอยกล่าว

                เทย์เลอร์-จอยสวมบทมนุษย์กลายพันธุ์รุ่นใหม่โรคจิตผู้ลึกลับ ผู้เป็นหนึ่งในตัวละครที่บอบช้ำที่สุดในเรื่อง ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในฐานะคนที่เคยเจอเรื่องทุกข์ทรมานมาตอนเด็ก เธอพบว่าเป็นเรื่องยากที่จะไว้ใจคนอื่นและมีแนวความคิดที่ว่าเธอจะต้องดูแลตัวเองและไม่มีใครอีกแล้วที่ไว้ใจได้ “สิ่งแรกที่ผู้ชมได้เรียนรู้เกี่ยวกับเธอคือเธอเป็นคนที่พูดจาได้เจ็บแสบ ไม่ใช่คนที่นุ่มนิ่ม อบอุ่นซักเท่าไหร่ แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินไป คุณจะเริ่มเข้าใจถึงเหตุผลที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ และฉันคิดว่าคุณจะเริ่มให้อภัยเธอมากขึ้นอีกนิดด้วยเหมือนกัน” เทย์เลอร์-จอยกล่าว

                ผลก็คือความสัมพันธ์ระหว่างบรรดาคนไข้ไม่ได้มีความสุขสนุกสนานเลย โดยเฉพาะสำหรับ แดนี่ เนื่องด้วยปฏิกิริยาที่อิลลิอาน่ามีต่อการมาเยือนของเธอ “เธอไม่พอใจค่ะ” เทย์เลอร์-จอยกล่าว “ฉันคิดว่าแดนี่และอิลลิอาน่าต่างก็มาจากสถานการณ์แบบเดียวกัน แต่จากคนละขั้วค่ะ ดังนั้น แดนี่ก็เลยกลายเป็นคนที่เห็นอกเห็นใจคนอื่นและเต็มใจที่จะรับฟังทุกคน ในขณะที่อิลลิอาน่าเป็นคนโดดเดี่ยวมากๆ และเธอก็สร้างเกราะกำบังหนาทึบพวกนี้ขึ้นมา”

                “เธอเป็นเหมือนตัวละครของจัดด์ เนลสันใน ‘The Breakfast Club’” คเนท ลีกล่าว “เธอก้าวเข้ามาและทำให้ทุกคนป่วนไปหมดครับ”

                ผู้ที่ได้รับบทแซม กุธรีย์ เด็กหนุ่มชาวเคนตั๊กกี้ ผู้มีอดีตมืดหม่น และมีอีกโฉมหน้าหนึ่งคือแคนนอนบอล คือชาร์ลีย์ เฮตัน ผู้เป็นที่รู้จักดีที่สุดจากบทโจนาธาน ไบเออร์สของเขาในซีรีส์เน็ตฟลิกซ์เรื่อง “Stranger Things” แซมมาจากเคนตั๊กกี้ ที่ซึ่งเขาถูกบีบให้ต้องออกจากโรงเรียนและทำงานในเหมืองถ่านหินเพื่อช่วยหาเลี้ยงครอบครัว ที่ซึ่งพลังมนุษย์กลายพันธุ์ของเขาทำให้เกิดการตายจำนวนมาก เขาเป็นคนถ่อมตัว น่าเอ็นดูและเป็นที่ชื่นชอบของคนไข้ทุกคน เขามีความสามารถในการพุ่งตัวผ่านอากาศด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ ทำให้ชื่อมนุษย์กลายพันธุ์ของเขาเป็นแคนนอนบอล เขาเป็นคนไข้เพียงคนเดียวที่มิลเบรี่ ที่เชื่อว่าตัวเองเป็นภัยทั้งกับตัวเองและสังคม

                “ประเด็นสำคัญสำหรับแซมที่คุณจะได้เห็นในหนังเรื่องนี้ ในการเดินทางของเขา คือเขามีพลังที่เขาไม่สามารถควบคุมได้ แต่เขาก็กลัวมันด้วย” เฮตันกล่าว “เขารู้ว่ามันอันตรายได้แค่ไหน และมันก็ทำให้เขารู้สึกผิดมากๆ เพราะทุกครั้งที่พลังนี้ระเบิดออก มันก็อาจเป็นอันตรายได้และนั่นก็เป็นสิ่งที่เขาต้องอยู่กับมันและเอาชนะมันให้ได้”

                ผู้ที่รับบท โรแบร์โต้ เดอ คอสตา มนุษย์กลายพันธุ์ชาวบราซิล ผู้มีอีกชื่อหนึ่งว่า ซันสป็อต เป็นนักแสดงชาวบราซิลชื่อว่า เฮนรี่ ซากา (“Teen Wolf”) โรแบร์โต้มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยมากๆ แต่เขาก็ถูกทอดทิ้งด้วยเช่นกัน “ผมคิดว่าเขาไม่ได้รับความรักจากครอบครัวของเขาซักเท่าไหร่ และเขาก็ได้รับความรักจอมปลอมมากมายจากเพื่อนๆ ของเขาเนื่องมาจากสถานะของเขา” เดอ คอสตากล่าว “เขาเป็นคนที่เติบโตขึ้นมาด้วยตัวเองและเขาก็มีความยากลำบากที่แตกต่างจากคนส่วนใหญ่ ที่ต้องรับมือกับการที่ไม่เป็นที่รัก และไม่ได้รับความสนใจจากคนที่คุณรักที่สุด ตลอดจนการเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ด้วยครับ”

                ในฐานะซันสป็อต เขามีพลังแสงอาทิตย์ ซึ่งทำให้พ่อแม่ของเขาส่งตัวเขาไปยังมิลเบรี่ด้วยความหวังว่าจะรักษาเขาให้หาย แม้ว่าเขาจะหน้าตาหล่อเหลา มีเสน่ห์และช่างเฟลิต เขาก็ลังเลที่จะพูดถึงความสามารถมนุษย์กลายพันธุ์ของเขา และกลัวยิ่งกว่าที่จะใช้พลังนั้น โรแบร์โต้คล้ายกับมนุษย์กลายพันธุ์คนอื่นๆ อีกสี่คนในโรงพยาบาลที่มีอดีตมืดหม่น เขาเองก็มีเรื่องทุกข์ใจของตัวเองและคุณก็จะได้เห็นเขาค่อยๆ กะเทาะเปลือกตัวเองออกทีละน้อยๆ ทำให้คุณได้เห็นถึงสิ่งที่อยู่ข้างในจริงๆ ในตอนจบเรื่อง มนุษย์กลายพันธุ์ทุกคนมารวมตัวกัน พวกเขาได้ทลายกำแพงของตัวเองลงในท้ายที่สุดและตระหนักว่าพวกเขามีแต่กันและกันเท่านั้น

                “นี่จะต้องเป็นเรื่องราวที่น่าติดตามจริงๆ ในแง่ของตัวละคร และแต่ละคนก็มีความสลับซับซ้อนจริงๆ…บังเอิญแค่ว่าพวกเขามีพลังมนุษย์กลายพันธุ์เท่านั้นเอง ผมคงยังไม่เรียกพวกเขาว่าซูเปอร์ฮีโรหรอกนะครับ” ซากากล่าว “พวกเขาก็แค่มีพลังมนุษย์กลายพันธุ์ที่พวกเขาพยายามจะรับมือกับมัน และมันก็ช่วยเพิ่มเติมดรามามากมายให้กับวัยรุ่นที่ตึงเครียดอยู่แล้วน่ะครับ”

                บูนกล่าว “แบร์โตเป็นเหมือนโลธาริโอที่เป็นเสือผู้หญิง ผู้ชอบพูดในสิ่งที่น่ารังเกียจที่สุด แต่เขามีเสน่ห์และหล่อเหลา เขาก็เลยรอดตัวไปได้ เขามีเบื้องหลังที่มืดหม่นจริงๆ ดังนั้น โฉมหน้าที่เขาสร้างขึ้นมาก็เพื่อผลักดันคนอื่นๆ ให้อยู่ห่างไกลจากความเจ็บปวดแสนสาหัสที่เขาเคยผ่านมาน่ะครับ”

                ผู้ที่ได้รับเลือกให้รับบท ดร.เซซิเลีย เรเยส ผู้ดูแลและผู้คุ้มครองมนุษย์กลายพันธุ์ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ คือนักแสดงหญิงชาวบราซิล อลิซ บราก้า (“Predators”) สำหรับนักแสดงหญิง ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม เพราะเธอได้เป็นคนที่อายุมากที่สุดในฉากเสียที “มันสร้างแรงบันดาลใจได้มากๆ เลยที่ได้เห็นพลังงานของพวกเขา” เธอกล่าว “และพวกเขาทุกคนก็มาจากสถานที่ต่างๆ กัน ดังนั้น มันก็เลยเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของคนประเภทต่างๆ ที่มาแสดงด้วยกันน่ะค่ะ”

THE NEW MUTANTS 
มิวแทนท์รุ่นใหม่

เกี่ยวกับงานสร้าง

                กองถ่ายได้ถ่ายทำในโลเกชันต่างๆ ทั้งในและรอบๆ บอสตันในฤดูใบไม้ร่วงปี 2017 ทีมงานเบื้องหลังที่มือเขียนบท/ผู้กำกับจอช บูนเลือกมาช่วยเขาในการเนรมิตชีวิตให้กับวิสัยทัศน์ของเขาได้แก่ ผู้กำกับภาพปีเตอร์ เดมิง, เอเอสซี (“Cabin in the Woods”), ผู้ออกแบบงานสร้าง มอลลี ฮิวจ์ (“The Fault in our Stars”), มือลำดับภาพ ร็อบบ์ ซัลลิแวน (“The Fault in Our Stars”), แมทธิว รันเดล (“Midnight Texas”) และเจ้าของรางวัลออสการ์คนล่าสุด แอนดรูว์ บัคแลนด์ (“Ford v Ferrari”), นักประพันธ์มาร์ค สโนว์ (“The X-Files”), ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายดนตรี ซีซัน เคนท์ (“Suicide Squad”) และผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย ลีซา อีวานส์ (“Bridesmaids”)

                ด้วยฉากของภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งเกิดขึ้นแทบทั้งหมดในโรงพยาบาลมิลเบรี่ ก็เลยมีการเขียนความรู้สึกกลัวที่คับแคบเข้าไปในเรื่องราวด้วยไม่น้อยเลย และทีมผู้สร้างก็มองหาวิธีที่มีประสิทธิภาพในการถ่ายทอดความรู้สึกอึดอัดนั้นด้วยโลเกชันในการถ่ายทำ โชคดีที่พวกเขาได้พบสถาบันทางการแพทย์ร้างในนิวอิงค์แลนด์ ที่ประกอบไปด้วยอาคารหลายหลังที่พวกเขาสามารถแยกส่วน ทำความสะอาดและใช้สำหรับการถ่ายทำได้

                “ในตอนที่เราไปถึง มีเศษสีที่กะเทาะออกร่วงจากผนังและซากชิ้นส่วนต่างๆ กระจัดกระจายทั่วไปหมดค่ะ” ผู้ออกแบบงานสร้าง มอลลี ฮิวจ์กล่าว “มันเป็นสถานที่ที่น่าขนลุก และเราก็รู้สึกว่ามันเพอร์เฟ็กต์สำหรับสิ่งที่เราต้องการ จอชและคเนทมักจะวาดภาพถึงลุคสยองขวัญแบบวิคตอเรียนคลาสสิกสำหรับเรื่องราวนี้ ซึ่งหมายถึงโรงพยาบาลที่น่าหวั่นสะพรึง ที่สร้างจากอิฐแดง ในช่วงเปลี่ยนศตวรรษ ซึ่งก็คือสิ่งที่เรามีค่ะ”

                โรงพยาบาลก็เป็นตัวละครของมันเองในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยเช่นกันและบรรยากาศของการได้อยู่ในสถานที่จริงๆ ก็ช่วยเสริมสร้างความน่าขนลุกให้กับโลเกชันแห่งนี้ ฮิวจ์ได้พิจารณาหนังสือถ่ายภาพเกี่ยวกับสถานบำบัดสมัยก่อนเพื่อเป็นแรงบันดาลใจในตอนที่ออกแบบลุคสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้

                บูนชื่นชอบผลงานของผู้กำกับภาพปีเตอร์ เดมิง ผู้ร่วมงานกับเดวิด ลินช์ใน “Lost Highway,” “Mulholland Drive” และ “Twin Peaks” และแซม ไรมีใน “Drag Me to Hell” มาโดยตลอด และตื่นเต้นเมื่อเขาเซ็นสัญญามาถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ “ปีเตอร์มีสมดุลชีวิตที่ดีที่สุดในเชิงศิลป์น่ะครับ” บูนกล่าว “เรามองหนังเรื่องนี้ทั้งในฐานะหนังเชิงพาณิชย์และหนังที่มีตัวละครเป็นตัวขับเคลื่อนและเราก็รู้ว่าเขาจะสร้างลุคที่สวยงามให้กับมันได้”

                ตัวผู้กำกับภาพอนุมานเอาว่าภาพยนตร์เรื่องนี้น่าจะถ่ายทำบนสเตจ แต่เขาก็ตื่นเต้นที่ได้รู้ว่า “The New Mutants” จะได้ถ่ายทำในโลเกชันที่สมบูรณ์แบบแบบนั้น “เรามีอาคารต่างๆ เหล่านี้ที่เราเปลี่ยนมันให้กลายเป็นโรงถ่ายของเราเอง ซึ่งน่าทึ่งมากคัรบ” เดมิงกล่าว “เรามีอำนาจควบคุมทุกอย่างและสามารถใช้อาคารหลังไหนก็ได้ที่เราต้องการ และเราก็สามารถขุดเจาะและสร้างอะไรก็ได้ในแบบที่เราต้องการน่ะครับ”

                บูนต้องการให้ภาพยนตร์เรื่องนี้แตกต่างจากภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ในแฟรนไชส์ “X-Men” ทั้งในเรื่องของภาพวิชวลและโทน “ผมคิดว่าผมเคยดู ‘X-Men’ มาหนึ่งภาคก่อนที่ผมจะเริ่มทำงาน ซึ่งจอชก็ชื่นชมตรงนั้น” เดมิงหัวเราะ “จอชบอกว่าเขาไม่อยากให้มันเหมือนหนังเรื่องอื่นๆ… เขาบอกว่า อย่าไปดูหนังพวกนั้น…เรามามองมันอย่างที่มันเป็นและสร้างให้มันยืนอยู่ได้ด้วยตัวเองเถอะ น่ะครับ”

                ปีศาจหมีจากหนังสือการ์ตูนต้นฉบับเป็นสัญลักษณ์ของความยากลำบากมากมายที่แดนี่ มูนสตาร์ต้องเผชิญ รวมถึงการยอมรับสายเลือดของตัวเองและกระบวนการในการคร่ำครวญหวนไห้สำหรับการสูญเสียความไร้เดียงสาในวัยเยาว์ สัตว์ร้ายตัวนี้เป็นภาพแบบแอ็บสแทร็คและอิมเพรสชันนิสต์ในภาพประกอบของบิล เซียนคีวิคซ์ และบูนก็อยากให้มันน่าประทับใจไม่แพ้กันบนจอภาพยนตร์ “ด้วยฝันร้ายแต่ละครั้งของแดนี่ เธอก็ทำให้หมีตัวนี้ตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในทุกครั้งโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งมันกลายเป็นของจริงและกลายเป็นฟางเส้นสุดท้าย” บูนกล่าว

                มีการพูดคุยกันตั้งแต่เริ่มแรกถึงขนาดจริงๆ ของหมีที่มีความหลากหลายอย่างมาก โดยที่บางคนคาดเดาว่ามันน่าจะใกล้เคียงกับขนาดของฮัลค์ “ในหนังสือการ์ตูน ตัวหมีมีขนาดโตเต็มหน้ากระดาษเลย” ลีกล่าว “มันจะต้องตัวใหญ่มากจนทำให้มันบดบังสายตาของคุณทั้งหมดตอนที่คุณมองมัน”

                เดมิงอธิบายถึงความท้าทายของการถ่ายทำหมีขนาด 35 ฟุตที่ไม่มีอยู่จริง “สองสามซีเควนซ์สุดท้ายของภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งเกิดขึ้นในและรอบๆ โบสถ์ของโรงแรมจะมีศูนย์กลางอยู่ที่สัตว์ขนาดใหญ่มากๆ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีทางอยู่ตรงนั้นจริงๆ น่ะครับ”

                ในตอนที่นักแสดงถ่ายทำฉากที่เกี่ยวข้องกับหมีตัวนี้ สิ่งมีชีวิตที่พวกเขาต้องแสดงด้วยคือหุ่นเงาวับที่ผอมบางและมีดวงตาหยี “ปฏิสัมพันธ์ส่วนใหญ่และฉากนี้จะมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่สิ่งมีชีวิตร่างยักษ์ที่ไม่มีอยู่จริง ซึ่งเป็นเรื่องยากเสมอสำหรับนักแสดงและการจัดวางตำแหน่งภาพ และนั่นก็เป็นสถานการณ์สุดอลังการที่เราแทบจะอดใจรอดูไม่ไหว” เดมิงกล่าว “แต่ผมคิดว่าเราทำได้ มันทั้งยิ่งใหญ่และหลอนประสาททีเดียวครับ”

                บรรดามนุษย์กลายพันธุ์รุ่นใหม่ในโรงพยาบาลมิลเบรี่ถูกตามหลอนด้วยอดีตของพวกเขาในรูปแบบของภาพหลอนที่มีตัวตนขึ้นมา และมีเพียงภาพแฟลชแบ็คและภาพหลอนเหล่านี้เท่านั้นเองที่ทำให้ผู้ชมได้เห็นตัวละครอยู่นอกโรงพยาบาล มันรวมถึง ลิมโบ้ ที่มืดหม่นและเหมือนไม่ได้อยู่ในโลกใบนี้ ซึ่งถูกสร้างขึ้นทั้งหมดในขั้นตอนโพสต์โปรดักชันด้วยภาพ CG

                ในมิติลิมโบ้ โลกที่อิลลิอาน่าสร้างขึ้นเพื่อหลบหนีจากเหตุการณ์ทุกข์ทรมานที่เธอประสบในวัยเด็ก เธอมีพลังวิเศษและดาบวิญญาณเพื่อใช้สู้กับปีศาจ ซึ่งจะแข็งแกร่งขึ้นทุกครั้งที่เธอใช้มัน “ประสบการณ์ที่เธอพบช่างน่าสะพรึงกลัวจนเธอต้องการจะสร้างสถานที่ปลอดภัยในหัวของตัวเองที่เธอสามารถไปได้ และเธอก็เชื่อในสถานที่นั้นและไปที่นั่นบ่อยจนมันกลายเป็นของจริงค่ะ” อันย่า เทย์เลอร์-จอยกล่าว “มันเป็นสถานที่ในโลกของเธอเอง ที่ซึ่งเธอจะไปตั้งสติให้มั่นคงน่ะค่ะ”

                อีกสิ่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยงานวิชวล เอฟเฟ็กต์คือสถานที่ที่บูนพูดถึงว่าเป็นโลกใต้พิภพ “มันเป็นโลกที่เหมือนความฝัน ที่จริงๆ แล้วเป็นความฝันของแดนี่” ฮิวจ์กล่าว “โลกใต้พิภพที่แดนี่ไปเป็นสิ่งที่จอชคิดขึ้นมาให้เป็นวิธีที่แดนี่ใช้รับมือกับโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับเธอ ในโลกใต้พิภพนี้ ในช่วงเวลาของความสิ้นหวังโดยสิ้นเชิง ที่แดนี่เริ่มตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองในอดีตและเธอก็เริ่มจะเข้าใจว่าทำไมเธอถึงอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้”

                ฉากนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยการใช้ภาพฉากหลังขนาด 180 ฟุตที่ลงสีโดยนักวาดภาพฉาก เกรแฮม เมเนจ “สำหรับแดนี่ มันเป็นสถานที่ระหว่างชีวิตและความตาย เราก็เลยคิดกันว่าเราน่าจะผลักดันมันออกไปอีกด้วยภาพฉากที่วาดขึ้นน่ะค่ะ” ฮิวจ์กล่าว “ฉันเคยมีประสบการณ์กับมันมาแล้วในอดีต และมันก็ช่วยทำให้ทุกอย่างผ่อนคลายมากขึ้น ถึงคุณจะใช้ภาพฉากหลังเป็นต้นไม้ คุณก็ยังจะรู้สึกถึงความหนักแน่นจากมันมากๆ แต่การวาดภาพฉากแบบหลวมๆ โดยฝีมือของจิตรกรที่เก่งมากๆ มันก็จะให้ความรู้สึกที่งดงามเกินจริงและเหมือนความฝันค่ะ”

                แบ็คดร็อปที่ถูกวาดขึ้นเป็นศิลปะที่ค่อนข้างจะหาได้ยากในยุคดิจิตอลปัจจุบัน แต่เดมิงก็ยินดีต้อนรับโอกาสนี้ “เห็นได้ชัดว่าปีเตอร์มีประสบการณ์กับมันและเคยทำเรื่องสุดโต่งสารพัดแบบ เขาก็เลยรู้สึกสบายๆ กับแบ็คดร็อปนี้และยอมรับมันจริงๆ” ฮิวจ์กล่าว “เขารู้ว่าจะจัดแสงมันให้สวยๆ ยังไงและทุกคนก็เข้าใจถึงก็เข้าใจถึงหลักเกณฑ์ในการถ่ายทำมันอย่างเหมาะสมด้วย”

ในโรงภาพยนตร์

                มือเขียนบท/ผู้กำกับจอช บูนสามารถเอาชนะวัยเด็กที่ยากลำบากของเขาและถ่ายทอดความรักที่เขามีต่อหนังสือการ์ตูนมาร์เวลและเรื่องราวสยองขวัญให้กลายเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับมนุษย์กลายพันธุ์รุ่นใหม่ที่มีโทนสยองขวัญได้ “ผมคงจะไม่ยอมแลกวัยเด็กของผมกับอะไรทั้งนั้น เพราะถ้าผมไม่เชื่อในสิ่งต่างๆ ที่ผมเชื่อในตอนเด็กๆ ผมก็ไม่คิดว่าผมจะเชื่อว่าผมสามารถทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ได้สำเร็จ” เขากล่าว “ผมสามารถรักษามิตรภาพที่สำคัญๆ ไว้ได้ระหว่างนั้น และมันก็เป็นเรื่องน่าทึ่งที่ได้ทำงานกับเพื่อนผมทุกวันน่ะครับ”

                มนุษย์กลายพันธุ์รุ่นใหม่ที่เป็นหัวใจสำคัญของเรื่องราวนี้ต้องรับมือกับพลังมนุษย์กลายพันธุ์ที่กำลังเติบโตของพวกเขา รวมถึงประเด็นที่แท้จริงที่วัยรุ่นทุกคนต้องเผชิญ ซึ่งพวกเขาก็สามารถรับมือกับประเด็นและปัญหาของพวกเขาได้ร่วมกัน ผลที่ตามมาก็ทำให้ทีมนักแสดงสนิทสนมกันไปด้วย

THE NEW MUTANTS 
มิวแทนท์รุ่นใหม่

                “ระหว่างการถ่ายทำ สำหรับเด็กๆ อย่างพวกเราแล้ว เราได้ใช้ชีวิตอยู่ในสถานการณ์ที่สอดคล้องไปกับสิ่งที่ตัวละครกำลังเจอบนหน้าจอจริงๆ” อันยา เทย์เลอร์-จอยกล่าว “เพราะพวกเราเป็นคนแปลกหน้าห้าคนที่มารวมตัวกันและต้องปฏิบัติต่อกันและกันแบบครอบครัว สานสายสัมพันธ์ระหว่างกันทุกวัน ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เด็กๆ พวกนี้ได้ประสบในโรงพยาบาลแห่งนั้นค่ะ”

                “หนังสยองขวัญเป็นการหลบหนีที่ยอดเยี่ยมครับ” บูนกล่าว “เพราะคุณสามารถเข้าไปในโรงหนังและรับมือกับความวิตกกังวลทั้งหลายที่คุณไม่อยากจะนึกถึงในตอนที่คุณนอนอยู่บนเตียงกลางดึก และเงยหน้ามองเพดาน มันเป็นเหมือนวิธีที่จะผ่านพ้นความรู้สึกเหล่านั้นไปในแบบที่ดีต่อสุขภาพน่ะครับ”

Facebook Comments
ติดต่อ Maganetthailand.com
Don`t copy text!