Wonka วองก้า

เข้าฉาย 7 ธันวาคม 2566

แนว Adventure, Comedy, Family

ผู้กำกับ Paul King

นักแสดง Timothée Chalamet, Olivia Colman, Hugh Grant

ภาพยนตร์สร้างอิงจากตัวละครพิเศษที่มีความสำคัญในเรื่อง Charlie and the Chocolate Factory หนังสือสำหรับเด็กที่สร้างชื่อให้โรลด์ ดาห์ล และเป็นหนังสือเด็กที่ขายดีตลอดกาล ภาพยนตร์เรื่อง “Wonka” ถ่ายทอดเรื่องราวสุดมหัศจรรย์ของวิลลี่ วองก้า นักประดิษฐ์ผู้เก่งกาจระดับโลก นักมายากล และผู้ผลิตชอคโกแลตผู้เป็นที่รักอย่างที่เรารู้จักกันในทุกวันนี้

ผลงานภาพยนตร์จากผู้เขียนบทฯ / ผู้กำกับฯ พอล คิง จากเรื่อง “Paddington” ผู้อำนวยการสร้างฯ เดวิด เฮย์แมนจาก “Harry Potter,” “Gravity,” “Fantastic Beasts” แบะ “Paddington” รวมถึงผู้อำนวยการสร้างฯ อเล็กซานดรา เดอร์บีไชร์  (ภาพยนตร์  “Paddington”, “Jurassic World: Dominion”) และลุค เคลลี่ (“ผลงานของโรลด์ ดาห์ล เรื่อง  The Witches”) ที่ร่วมมือนำเวทมนตร์ เสียงดนตรี ความโกลาหล และความรู้สึกต่างๆ มาผสมผสานกันในเรื่องราว พร้อมด้วยเสียงหัวเราะและความอบอุ่นใจ นำแสดงโดยทิโมธี ชาลาเมต์ ผู้จะมาสร้างความสดใสบนจอยักษ์อย่างน่าทึ่ง เขาจะพาผู้ชมไปรู้จักกับวิลลี่ วันก้าตอนเด็ก ผู้เต็มไปด้วยหลากหลายไอเดียและตั้งใจเปลี่ยนโลกให้ดูมีเสน่ห์ขึ้น เขาเล่าว่าสิ่งวิเศษสุดในชีวิตเริ่มต้นจากความฝัน หากคุณโชคดีพอที่จะได้พบกับวิลลี่ วันก้า อะไรก็เกิดขึ้นได้จริงๆ

นักแสดงคู่ชาลาเมต์ยังรวมถึง คาลาห์ เลน  (“The Day Shall Come”) เจ้าของรางวัล Emmy และ Peabody Award คีแกน-ไมเคิล คีย์ (“The Prom,” “Schmigadoon”), พาเทอร์สัน โจเซฟ (“Vigil,” “Noughts + Crosses”), แม็ตต์ ลูคัส (“Paddington,” “Little Britain”), แมทธิว เบย์นตัน (“The Wrong Mans,” “Ghosts”) ผู้ชิงรางวัล Oscar แซลลี่ ฮอว์คินส์ (“The Shape of Water,” ภาพยนตร์ “Paddington”, “Spencer”), โรแวน แอทคินสัน (ภาพยนตร์ “Johnny English” และ “Mr. Bean”, “Love Actually”), จิม คาร์เตอร์ (“Downton Abbey”) พร้อมด้วยเจ้าของรางวัล Oscar โอลิเวีย โคลแมน (“The Favourite”) ภาพยนตร์ยังนำแสดงโดยนาตาชา รอธเวลล์ (“White Lotus,” “Insecure”), ริช ฟัลเชอร์ (“Marriage Story,” “Disenchantment”), ราคี ทักราร์ (“Sex Education,” “Four Weddings and a Funeral”), ทอม ดาวิส (“Paddington 2,” “King Gary”) และคอบนา โฮลด์บรูค-สมิธ (“Paddington 2,” “ภาพยนตร์ของแซค สไนเดอร์ Justice League,” “Mary Poppins Returns”)

ไซมอน ฟาร์นาบี (“Paddington 2”) และพอล คิงเขียนบทฯ โดยอิงเนื้อเรื่องของคิงและตัวละครที่คิดขึ้นโดยโรลด์ ดาห์ล อำนวยการสร้างบริหารฯ โดยไมเคิล ซีเกล, เคท อดัมส์, โรซี่ อลิสัน และ ทิม เวลสปริง ทีมงานเบื้องหลังของคิง ได้แก่ ผู้กำกับภาพ ชุง-ฮุน ชุง (“Last Night in Soho,” “Ah-ga-ssi”) ผู้ออกแบบฉากเข้าชิงรางวัล Oscar นาธาน โครว์ลีย์ (“Tenet,” “Dunkirk”) ผู้ลำดับภาพ มาร์ค เอเวอร์สัน (ภาพยนตร์ “Paddington”) ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายเจ้าของรางวัล Oscar ลินดี้ เฮมมิง (ภาพยนตร์ “Paddington”, “Topsy-Turvy”) และผู้ลำดับภาพ โจบี้ ทัลบอท (ภาพยนตร์ “Sing”) นีล แฮนนอน แห่งวง The Divine Comedy แต่งเพลงประกอบภาพยนตร์

วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส นำเสนอภาพยนตร์ร่วมกับ Village Roadshow Pictures, a Heyday Films Production, a Paul King Confection เรื่อง “Wonka” มีกำหนดเปิดตัวในโรงภาพยนตร์และระบบไอแมกซ์ทั่วโลกเริ่ม 6ธันวาคม 2023 และในอเมริกาเหนือวันที่ 15 ธันวาคม 2023 จัดจำหน่ายทั่วโลกโดยวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส

พูดคุยกับนักแสดง:

ทิโมธี ชาลาเมต์ รับบท วิลลี่ วองก้า ในอุดมคติ

ความเห็นที่มีต่อพอล คิง…

ทิโมธี ชาลาเมต์: “ผมคิดว่าคำที่เราจะบรรยายถึงพอล คิงได้คือ ‘ร่าเริง อารมณ์ดี มีส่วนร่วม ใจดี’ เขากระตือรือร้นกับโปรเจ็กต์ที่อยู่ตรงหน้า และพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ตามที่คิดภาพไว้ การสร้างตัวละครที่มีความเป็นเอกลักษณ์แบบนี้ ได้รับความนับถือในวัฒนธรรมแบบนี้ รับมือกับเนื้อเรื่องที่อยู่นอกเหนือจากต้นฉบับของโรลด์ ดาห์ล… การมีพอลมาดูแลการเต้น… มีเขาเช็คการแสดงในเรื่องเป็นสิ่งที่ดีมาก ไม่ใช่จากมุมมองของนักวิจารณ์หรือผู้ชม แต่จากมุมมองของคนที่พยายามสร้างสีสันให้โลกใบนั้น… มันคือสิ่งวิเศษมากที่สร้างความสดใสนั้นขึ้นมาได้”

ความเห็นที่มีต่อคาลาห์ เลน…

ทิโมธี ชาลาเมต์: “ผมภูมิใจในตตัวคาลาห์ เลนผู้รับบทนูเดิลมากครับ ความพยายามครั้งใหญ่ในการรับโปรเจ็กต์นี้ตั้งแต่อายุยังน้อย ผมเคยร่วมงานกับนักแสดงที่อายุน้อยแบบนี้ แต่ไม่ได้ยาวนานขนาดนี้ อาจแค่ 1-2 วัน ผมเลยรู้สึกภูมิใจเธอมากเลย เธอมีความตั้งใจ เป็นนักแสดงที่น่าทึ่งและเธอก็มีความสุขที่ได้อยู่ตรงนั้น ได้ตะโกนเรียกคุณแม่ คุณจะมีรอยยิ้มเวลาเห็นพ่อแม่มีลูกอยู่ในวงการนักแสดงและรับผิดชอบหน้าที่นั้นดี้ ผมหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอรู้สึกสบายใจเวลาเข้าฉากด้วยในช่วง 4-7 เดือน! เธอมีสปิริตตลอดเวลา ช่วงที่เราแสดงจะมีเด็กวนเวียนรอบตัวเยอะมาก ผมคิดว่าทุกโปรเจ็กต์ที่เคยแสดงมาไม่เคยมีเด็กเลย มันเต็มไปด้วยความจริงใจ ความสดใส และความกระตือรือร้น โดยเฉพาะเวลาที่เราสวมโคทเบอร์กันดี และเห็นมีคนแสดงท่าทีแบบนั้นออกมา… มันวิเศษมากเลยครับ”

ความเห็นที่มีต่อเรื่องการร้องเพลงและการเต้นรำ…

ทิโมธี ชาลาเมต์: “ผมต้องร้องเพลงเยอะมาก มีการฝึกร้องเพลงร่วมกับเจมส์ เทย์เลอร์ หัวหน้าฝ่ายดนตรี… ไม่ใช่เจมส์ เทย์เลอร์นะครับ แต่เป็นเจมส์ เทย์เลอร์ชาวบริติช และมีการฝึกเต้นอีกเยอะร่วมกับ [ผู้ออกแบบท่าเต้นในเรื่อง] คริส กาเทลลิ มีชาวนิวยอร์ค ผู้ออกแบบท่าเต้นที่เก่ง และก็ฝึกซ้อมวนไปเรื่อยๆ มันเป็นวิธีที่ดีนะครับ เพราะเมื่อถึงเวลาเริ่มภาพยนตร์ ร่างกายก็พร้อมกับมันแล้ว แต่ผมขอพูดจากใจจริงเลยว่าเป็นการท้าทายร่างกายที่สุดเท่าที่เคยทำมาเลย ในเรื่องนี้ท้าทายทุกฉาก แน่นอนว่ามีความท้าทายในตัวละคร แต่ไม่มีฉากไหนที่อยู่นิ่งเฉยๆ เลย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมาก… ดีสำหรับเนื้อเรื่อง นักแสดงได้บทเรียนที่ดี มันวิเศษมากที่ได้มีส่วนร่วม เพราะด้วยพลัง ความแข็งแกร่ง และรูปร่างที่ผมสามารถสวมบทบาทนั้นได้”

ความเห็นที่มีต่อภาพลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ของวองก้า…

ทิโมธี ชาลาเมต์: “[ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย] ลนดี้ เฮมมิง เคยออกแบบ ‘The Dark Knight’ และนั่นคือผลงานที่ทำให้ผมอยากทำการแสดงตอนอายุ 12 ขวบ ‘ฉันอยากเป็นส่วนหนึ่งในนั้น เรื่องอะไรก็ได้เลย!’ และเธอก็คอยให้ความช่วยเหลือดีมาก เวลาที่เราโชคดีพอที่จะได้ร่วมงานกับคนที่มีฝีมือเก่งๆ อย่างลินดี้ เฮมมิงหรือผู้ออกแบบฉาก นาธาน โครว์ลีย์ ผู้ที่อยู่ในช่วงวัยที่ทำงานมานานและรักษาฝีมือได้นิ่ง ความกระตือรือร้นไม่มีตก… ในฐานะของนักแสดงอายุยังน้อย ศิลปินที่อายุยังน้อย นั่นคือสิ่งที่งดงามมากครับ”

สาระสำคัญในเรื่อง “Wonka”

ทิโมธี ชาลาเมต์: “นี่คือภาพยนตร์ที่สนุกสนานครับ เป็นเรื่องราวที่จุดประกายความหวังให้กับโลกที่สิ้นหวัง นั่นคือสิ่งที่ผมได้อ่านมา ในฐานะของนักแสดงที่ยังอายุน้เอย สิ่งที่เรียกความสนใจให้ผมได้มากที่สุดคือความท้าทายด้านอารมณ์ บางทีออกมาจากความหยิ่ง หรือบางทีมาจากความอยากระบายสิ่งที่กำลังรู้สึกอยู่ นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกสนใจมากครับ ตอนที่อ่านเรื่อง ‘Wonka’ ผมสัมผัสได้ถึงความท้าทายจากมุมของการร้องเพลง จากมุมของการเต้น แต่ไม่ได้มาจากอารมณ์เมื่อเทียบกับโปรเจ็กต์อื่นที่ผมเคยร่วมงาน แต่พอผมคิดถึงเรื่อง ‘สปิริตของสัตว์’ ในหนังเรื่องนี้ ตอนที่ผมคิดถึงประเด็นหลักสำคัญของเรื่อง เวลาที่ผมคิดถึงเหตุผลสำคัญ มันเกี่ยวกับการสร้างความสนุกสนานให้โลกใบนี้ ที่ต้องอาศัยความกล้าที่จะฝัน ผลักดันผู้มีความฝันให้ยังคงสานฝันต่อ พร้อมพิสูจน์ตัวตนของตัวเองอย่างไม่อาย มีการแบ่งปันความใจดีและความกระตือรือร้นออกไป ไม่ใช่เพื่อตัวเองอย่างเดียว แต่เพื่อคนรอบข้างด้วย มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับสังคมที่ต้องฝ่าฟัน เป็นเรื่องการมอบแสงสว่างและความรัก”

คาลาห์ เลน ผู้ช่วยสร้างความมั่นใจให้วิลลี่

ความเห็นที่มีต่อตัวละคร นูเดิล ของเธอ…

คาลาห์ เลน: “สำหรับนูเดิล ฉันพูดได้เลยว่าเป็นตัวละครที่ใจแข็งค่ะ เธอไม่เปิดใจให้กับใครเลย แต่เมื่อได้พบกับวิลลี่ เหมือนเธอใจเปราะบางและรู้สึกว่า ‘โอ้ มีคนรักฉัน มีคนชอบฉัน’ เธอเปราะบางและรู้สึกว่า ‘ฉันอาจจะมอบความรักให้คนอื่นได้บ้างเช่นกัน’

ความเห็นที่มีต่อทิโมธี ชาลาเมต์…

คาลาห์ เลน: “การร่วมงานกับเขาเป็นเรื่องที่วิเศษมากค่ะ เขาเป็นคนน่ารักเหมือนกับวิลลี่และนูเดิล เราหัวเราะ เล่นมุกใส่กัน เขารู้ว่าจะทำให้ฉันยิ้มได้อย่างไร เขารู้ว่าจะทำให้อีกหลายคนยิ้มได้อย่างไร”

ความเห็นที่มีต่อพอล คง…

คาลาห์ เลน: “พอล [คิง] ทำให้ฉันเห็นว่าตัวเองทำอะไรได้บ้าง และฉันก็ชื่นชมสิ่งนั้นมากเลยค่ะ ฉันไม่เคยผ่านงานอะไรแบบนี้มาก่อน แต่การได้ร่วมงานกับพอล เขาทำให้ฉันเห็นว่าฉันเป็นแบบไหน”

ความเห็นที่มีต่อโลกที่สร้างขึ้นมา…

คาลาห์ เลน: “ฉันรักฉากต่างๆ ค่ะ ฉากมีความสวยงามมาก ทุกฉากมีความเป็นตัวของตัวเอง และฉากที่ฉันชอบเป็นพิเศษคือร้านชอคโกแลตวองก้า ฉันรักมันเลยล่ะ เวลาที่เดินเข้าไปนั้นและเห็นทุกอย่างมันเหมือนกับแสงอาทิตย์ที่สว่างใหญ่มาก พอมองไปจะเห็นทั้งดอกไม้ แม่น้ำ สำหรับฉันมันดูดีมากเลยค่ะ”

คีแกน-ไมเคิล คีย์ ในฐานะของผู้ควบคุมอำนาจ

ความเห็นที่มีต่อจินตนาการของพอล คิง…

คีแกน ไมเคิล คีย์: “หลายอย่งที่พอลสร้างขึ้นมาไม่ได้อยู่ในต้นฉบับซะทีเดียว แต่มาจากจินตนาการของเขา หรือจากที่เขาพูดว่า ‘ผมรู้ว่ามีชื่อนี้ของตัวละครนี้ที่อยู่ในหนัง Gene Wilder ด้วย อย่างสลักเวิร์ธหรือพรอดโนสและฟิกเคลกรูเบอร์ที่อยู่ในหนังสือ…’ แต่เขาอยากทำให้ตัวละครมีอะไรมากกว่านั้น… ตัวละครของผมจึงถูกสร้างขึ้นมาใหม่และเรียกว่านูเดิล ทุกคนที่ทำงานที่สครูบิตต์และบลีเชอร์ พร้อมกับสครูบิตต์และบลีเชอร์ ผมนับถือในจินตนาการของเขาและสไตล์การแต่งของเขา นับเป็นการร่วมงานกับเขาที่วิเศษมาก”

ความเห็นที่มีต่อตัวละครผู้บังคับการตำรวจของเขา …

คีแกน ไมเคิล คีย์: “ตัวละครผู้บังคับการตำรวจของผม ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าคำว่าทาสรับใช้ เขาเหมือนทาสรับใช้แต่พยายามถืออำนาจตัวเองเอาไว้ และสุดท้ายก็เป็นได้แค่แขนขา แต่นี่เป็นการพลิกโฉมใหม่ของเขา เพราะเขาไม่เคยเป็นแขนขามาก่อน เขามักจะหาทางบริหารจัดการเคลื่อนย้ายคน เพื่อไม่ให้ใครข้องเกี่ยวกับธุรกิจของคาร์เทลได้ และตอนนี้เขาอยู่ในจุดที่ทุกคนขอร้องให้เขาจัดการกับวองก้า พวกเขากลัววองก้ามากจนเหมือนกับ ‘ตอนนี้เราต้องการให้คุณจัดการกับเขาสักที”

ความเห็นที่มีต่อการร่วมงานกับทิโมธี ชาลาเมต์…

คีแกน ไมเคิล คีย์: “เขาคืออีกเหตุผลที่ผมร่วมงานในเรื่องนี้ด้วย เด็กคนนี้สร้างความน่าทึ่งได้ไม่รู้จบ ทำให้ผมทึ่งได้ตลอดเวลา และผลงานของเขาก็มีความหลากหลายด้วย เวลาที่ดูโปรเจ็กต์อื่นของเขา เขาเหมือนกับเด็กหนุ่มที่มีความรู้สึกลึกซึ้ง เขาเป็นแบบนั้นแม้จะยังอายุน้อยก็ตาม เขามีทั้งความหล่อและงดงามในตัว แต่ผมคิดว่ายังมีอะไรมากกว่านั้นอีก ผมคิดว่าเขาจะสร้างผลงานไปได้อีกนาน เขามีอะไรมากกว่าใบหน้าที่สวยและถ่ายทอดความน่าสนใจได้ดี ทำให้บทบาทมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ”

ความเห็นสำหรับเรื่องเสื้อผ้า…

คีแกน ไมเคิล คีย์: “[ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย] เสื้อผ้าของลินดี้ เฮมมิงดูน่าเหลือเชื่อมากครับ เธอมีการรวมยุคต่างๆ เอาไว้แต่ดูกลมกลืนกัน นั่นคือพรสวรรค์อย่างแท้จริง และเธอถ่ายทอดออกมาได้อย่างชัดเจน ผมรักที่จะได้สวมชุดแบบนี้ นี่คือสิ่งที่ผมอยากทำตอนเป็นเด็กและอยากเป็นนักแสดงด้วย เพราะสำหรับผมแล้วนี่คือการแสดง… เวลาเราได้สวมชุดนั้น รู้สึกเหมือนตอนที่เราเป็นเด็ก เราจะเอาผ้าห่มมาพันรอบคอและแปลงร่างเป็นซูเปอร์แมน เรามองตัเวองในกระจกและจะเห็นความงดงามจากฝีมือช่างผมและช่างแต่งหน้า นอกจากความตื่นเต้นที่ทุกคนจะได้ดูหนังเรื่องนี้ คือการที่ทุกคนจะได้เห็นการแต่งหน้าและวิกที่ไม่ธรรมดา มันทำให้นึกย้อนถึงตอนเป็นเด็กเลยจริงๆ และความรู้สึกนั้นกลับมาตอนที่ผมได้แสดงหนังเรื่องนี้”

ความเห็นที่มีต่อสิ่งที่รอผู้ชมในเรื่อง…

คีแกน ไมเคิล คีย์: “ผมคิดว่าทุกคนรวมถึงเด็กๆ จะชอบความอลังการของมัน เมื่อเราได้เข้าไปสัมผัสกับรายละเอียดเรื่องราว และทันใดนั้นได้พบกับอูมปา ลูมป้า เมื่อนึกถึงเขาคือผู้ที่วิลลี่มักจะคอยแก้ปัญหาตลอด ส่วนเขาก็จะ ‘โอเค ฉันได้สิ่งที่ต้องการละ และฉันจะแก้ไขแบบนี้ โอ้ แต่อูมปา ลูมป้าขโมยชอคโกแลตของฉันไป โอเค ฉันต้องไปล่าตัวเขา และต้องมีของไปจับตัวเขาด้วย เพื่อให้ฉันตกลงกับเขาได้ โอเค แล้วก็นึกภาพได้ว่าถ้าคาร์เทลไม่ยอมให้อยู่ที่นี่ล่ะ…’ ผมคิดว่าทุกคนจะสนุกกับมันครับ ในเรื่องมีตัวละครที่น่ารัก แต่ก็มีเรื่องราวที่เหมาะสำหรับผู้ใหญ่ด้วย พวกเขาจะหลงใหลในตัววิลลี่ เราจะอินกับเขามากเลยล่ะ” 

พาเทอร์สัน โจเซฟ ในบท สลักเวิร์ธ หัวหน้าชอคโกแลต คาร์เทลจอมแสบ

ความเห็นที่มีต่อการร่วมงานกับพอล คิง…

พาเทอร์สัน โจเซฟ: “ผมคิดว่าเขาเป็นคนฉลาดมาก ช่างจินตนาการ ชัดเจน เข้าใจตัวเองดี รู้ว่าฉากนั้นควรออกมาเป็นแบบไหน แต่เขาจะดูเหมือนหมีที่อบอุ่น และเรารู้สึกได้ว่า ‘พอล คิง เขาน่ารักมากเลย!’ ไม่ว่าเขาจะขอให้เราทำอะไร เรามักจะตอบ ‘ได้เลย พอล’ ทุกคนรักเขา ทุกคนรักเขาจริงๆ เป็นเพราะท่าทางของเขาเลย”

ความเห็นที่มีต่อ อาร์เธอร์ สลักเวิร์ธ ตัวละครของเขา…

พาเทอร์สัน โจเซฟ: “อาร์เธอร์ สลักเวิร์ธ เขาคิดว่าตัวเองน่าเคารพ เขามีเงินเยอะมาก แต่เขาชอบทำตัวขี้เกียจ เขามีความคิดที่ฉลาด แต่มักใช้ในทางเลวร้าย เขาจะขายทุกอย่างให้กับคุณ สิ่งที่เขาเกลียดคือคนที่เก่งเป็นเลิศ”

ความเห็นที่มีต่อรายละเอียดในฉากต่างๆ…

พาเทอร์สัน โจเซฟ: “ผมไม่เคยเห็นอะไรที่อลังการขนาดนี้มาก่อนเลย แค่นั้นก็มีความน่าทึ่งมากพอแล้ว เรายังได้เข้าฉากทาวน์สแควร์ ซึ่งเป็นฉากต่อไปที่เราถ่ายทำกันและมันกำลังมีหิมะตกอยู่ เราละลายไปเลยเพราะมันเพอร์เฟ็กต์ไร้ที่ติมาก เหมือนฉากในนิทานยุโรปยุค 1940 ออกแบบมางดงาม มีรายละเอียดบนหน้าต่างของร้านค้า คาเฟ่ และรายละเอียดบนเสื้อผ้า… ทุกอย่างเพอร์เฟ็กต์มากเลย”

ความเห็นที่มีต่อสิ่งที่รอผู้ชมในเรื่อง…

พาเทอร์สัน โจเซฟ: “ผมคิดว่าสิ่งที่ทุกคนจะรักในหนังเรื่องนี้ คือการสนุกไปกับจินตนาการวัยเด็กของเราเรื่องชอคโกแลต และความมหัศจรรย์ของชอคโกแลตตามที่เราคิดเอาไว้ เรามองหามันตลอด เรารักมันเสมอ และผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่ทำให้ผู้ใหญ่ทุกคนพึงพอใจเช่นกัน เด็กๆ ทุกคนจะรักมันอยู่แล้วเพราะ ‘โอ้ พระเจ้า ชอคโกแลตนี่!’ ลองนึกภาพว่าไม่ได้มีดีแค่รสชาติสิ มันยังมีเวทมนตร์อยู่ในนั้นด้วยนะ!”

แม็ตต์ ลูคัส รับบท พรอดโพส สมาชิกของชอคโกแลต คาร์เทลผู้มีความเด็ดขาด

ความเห็นที่มีต่อจินตนาการของพอล คิงและไซมอน ฟาร์นาบี…

แม็ตต์ ลูคัส: “พอล คิง และ ไซมอน ฟาร์นาบี้ มาร่วมงานกันและสร้างความแปลกใหม่ให้วิลลี่ วองก้า เราเห็นวิลลี่ครั้งแรกตอนเป็นเด็ก และกลายเป็นหนุ่มน้อยในเมืองยุโรปที่แปลกตายุค 1940 ที่นั่นวองก้าได้พัฒนาชอคโกแลตของเขา บางครั้งมันก็ดูลงตัว บางครั้งก็เกิดข้อผิดพลาด เขากำลังเรียนรู้และอยากหาจุดลงตัวให้เจอ เขาสร้างความหวาดกลัวให้สลักเวิร์ธ พรอดโนส ฟิกเคลกรูเบอร์ ซึ่งแน่นอนว่าชอคโกแลตของเขามีความงดงามมาก ผู้ผลิตชอคโกแลตทั้ง 3 จึงกลัวและกังวลการมาเยือนเมืองนี้ของเขา”

ความเห็นที่มีต่อพอล คง…

แม็ตต์ ลูคัส: “พอลเป็นผู้กำกับฯ ที่มีพรสวรรค์อย่างชาญฉลาด เขาทำให้ทุกอย่างดูน่าทึ่ง แต่เพราะเขามาจากผลงานคอมเมดี้ทางทีวี ผมเคยร่วมงานกับเขาในซีรีส์ ‘Come Fly With Me’ เขาปล่อยให้นักแสดงทำงานได้อย่างอิสระ มีการเล่นสด ใส่ความร่าเริง ลองทำสิ่งต่างๆ มันเห็นได้ยากที่จะได้อิสระในภาพยนตร์ระดับนี้ ในตัวพอลมีความเป็นเด็กที่เขาไม่กลัวจะนำมันมาใช้ เขาไม่กลัวว่าจะออกมาดีไหม การทำงานของเขาเต็มไปด้วยความสนุก สีสัน และความปั่นป่วนด้วยล่ะ”

ความเห็นที่มีต่อเสียงดนตรีของนีล แฮนนอน…

แม็ตต์ ลูคัส: “ความงดงามอยู่ที่เสียงดนตรีของนีล แฮนนอน ผมเป็นแฟนเขามานานมาก และตื่นเต้นเวลาที่ได้ยินเสียงดนตรีของเขา มันเป็นอะไรที่ติดหูมาก มีทั้งความสดใส ความออบุ่น เนื้อร้องก็มีความลงตัว มันทำให้นักแสดงอย่างเราถ่ายทอดออกมาได้ง่ายขึ้น”

ความเห็นที่มีต่อชอคโกแลต คาร์เทล…

แม็ตต์ ลูคัส: “พอลและไซมอนสร้างความแปลกใหม่ให้ฟิกเคลกรูเบอร์ สลักเวิร์ธ และพรอดโนส พวกเขาสร้างกลุ่มผู้ผลิตชอคโกแลตที่เป็นคู่แข่งกันขึ้นมา แต่ตอนนี้ต้องร่วมมือกันจัดการกับผู้ผลิตชอคโกแลตหน้าใหม่ที่ชื่อว่าวองก้า”

แมทธิว เบย์นตัน ฟิกเคลกรูเบอร์ สมาชิกของชอคโกแลต คาร์เทลจอมจุกจิก

ความเห็นที่มีต่อการร่วมงานในเรื่อง “Wonka”…

แมทธิว เบย์นตัน: “ผมนึกเหตุผลที่จะไม่อยากมีส่วนร่วมในเรื่อง ‘Wonka’ ได้เลย ผมคิดว่หลายคนบนโลกโตมาพร้อมกับหนังสือของโรลด์ ดาห์ล วิลลี่ วองก้าก็เป็นตัวละครหนึ่งที่ครองใจเราเป็นพิเศษ โดยเฉพาะช่วงวัยเด็กของผม ผมเป็นแฟนของพอลและไซมอนที่เขียนบทฯ ด้วย และเขาก็เป็นเพื่อนคนหนึ่ง ภาพยนตร์ ‘Paddington’ ของพวกเขาก็น่ารักมากด้วย ไอเดียที่ภาพยนตร์ Willy Wonka ที่พวกเขาเขียนขึ้นมาโดยมีพอลกำกับฯ ผมพร้อมตอบ “ตกลง” โดยไม่ทันรู้เลยว่าจะได้รับบทอะไร”

ทั้ง 3 แห่งคาร์เทล…

แมทธิว เบย์นตัน: “เรามีผู้ผลิตชอคโกแลตทั้ง 3 ราย สลักเวิร์ธป็นนักธุรกิจที่ไร้ความปรานี มีหลักการบริหารอย่างชัดเจน พรอดโนสไม่รู้ว่าทำไมตัวเองอยู่ที่นั่น แต่ก็ดูจะมีความสุขกับมัน ส่วนฟิกเคลกรูเบอร์คือคนที่เราเรียกว่าไม่สนใจเรื่องธุรกิจหรือตัวเงิน แต่หลงใหลไปกับมัน เขาสนใจเรื่องเสื้อผ้า การตัดเสื้อที่เขาจะใช้เงินซื้อได้ และการทำให้เขาดูมีเงิน ทุกอย่างเกี่ยวกับเขาคือเรื่องหน้าตา มีแต่เรื่องนอกกายทั้งนั้น ท่ามกลางความดราม่านั้น เราเลือกให้เขาหมกมุ่นอยู่กับเรื่องภาพลักษณ์ตลอดเวลา และผมคิดได้ว่าบางทีเขาอาจจะไม่ได้มีเงิน นั่นคือเหตุผลที่เขาหมกมุ่นอยู่กับมันตลอด อาจเป็นเหตุผลที่เขาแคร์เรื่องภาพลักษณ์ เพราะเขาไม่อยากให้ใครรู้ความลับ แต่นั่นล่ะคือเรื่องสนุกของผม”

ความเห็นที่มีต่อร้านว่างเปล่าใน Galeries Gourmet…

แมทธิว เบย์นตัน: “เดอะ คาร์เทลบริหารแบบผูกขาดการผลิตชอคโกแลต จนเกิดการแข่งขันระหว่างพวกเขา ซึ่งทุกคนต้องร่วมมือกันและต้องมั่นใจว่ามีการแบ่งปันกัน… ฟังดูดีแม้จะใช้คำว่า “แบ่งปัน” แต่ไอเดียคือมีร้านที่ 4 ที่ทุกคนมั่นใจว่าไม่มีใครจะเข้าไปครองได้ จนกระทั่งวิลลี่เข้ามาและเริ่มขายชอคโกแลตที่ดีกว่าพวกเขา มีทั้งความหลุดโลก สนุกสนาน รสชาติแปลกใหม่ และไม่ใช่แค่นั้นแต่ยังมีเวทมนตร์ด้วย มันมีเวทมนตร์จริงๆ ทุกคนจำเป็นต้องกำจัดเขา และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็รับส่วยพวกเขาอยู่ด้วย แต่ตอนนี้ต้องขอให้เขาทำอะไรมากกว่าที่เคยทำมาก่อน นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาต้องยกระดับเกมขึ้นมา”

จิม คาร์เตอร์ ผู้รับบทอคาบัส ครันช์ นักบัญชี/คนซักผ้า

ความเห็นที่มีต่อตัวละครวองก้า…

จิม คาร์เตอร์: “วองก้าดูจะมีความเป็นไปได้อย่างไม่รู้จบ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเขา ด้วยความมุ่งมั่นและความไร้เดียงสาของเขา เขาปลดปล่อยความเป็นอิสระให้ตัวเองและย้อนคืนสู่พวกเรา”

ความเห็นที่มีต่อผู้อาศัยแห่งสครูบิตต์และบลีเชอร์…

จิม คาร์เตอร์: “เรามีทั้งคนเก็บตัวเงียบ มีทั้งช่างประปาที่มีความมั่นใจ มีนักแสดงตลกที่น่ารำคาญ มีนักบัญชีใจร้อนที่ดูเศร้า… เป็นการผสมผสานที่ดีระหว่างราคี ทัคราร์, ริช ฟัลเชอร์, นาตาชา รอธเวล และตัวผมเอง ที่นั่นมีความแตกต่างกันที่ดูดีครับ”

สิ่งที่รอผู้ชมในเรื่อง…

จิม คาร์เตอร์: “ในเรื่องมีความมหัศจรรย์ครับ จะให้พูดคือเหมือนความสนุกแบบยุคก่อน แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะมันมาจากจินตนาการที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ผสมกับความสามารถและเทคโนโลยีที่โรงภาพยนตร์เอื้อกับเรา มันจะพาผู้ชมเข้าสู่โลกแห่งความมหัศจรรย์ได้ครับ”

นาตาชา รอธเวล รับบทไปเปอร์ เบนซ์ ช่างประปา/พนักงานซักผ้าหญิงสุดแกร่ง

ตัวละครไปเปอร์ เบนซ์ของเธอ…

นาตาชา รอธเวล: “สำหรับฉันคิดว่าสิ่งสำคัญคือการรับบทผู้หญิงที่มีพลัง ไม่กลัวที่จะต้องแกร่งและไม่เคยไร้ควมหวัง แม้ว่าเธอจะอยู่ในช่วงเวลาสิ้นหวังก็ตาม ฉันคิดว่าในตัวเธอมีความบ้าพอควร ฉันรักการสวมบทบาทที่มีความสนุก และคิดว่านั่นคือเสน่ห์อย่างหนึ่งในเรื่อง นี่คือหนังที่จะได้เห็นผู้ใหญ่สนุกสนานในแบบที่ตอนเป็นเด็กเคยสนุกมาก่อน”

ความเห็นที่มีต่อพอล คิง…

นาตาชา รอธเวล: “เขาเป็นนักเล่าเรื่องที่รู้จังหวะดีมาก มีความถนัดในเรื่องเรียบง่ายอย่างความเมตตา ความสนุก การช่วยเหลือกัน และฉันคิดว่ามันคือสิ่งที่ช่วยสร้างความงดงามให้เรื่อง ฉันรักที่เขาเตือนให้เราคิดได้ว่าทำไมสิ่งเหล่านั้นจึงสำคัญ”

ความเห็นที่มีต่อคาลาห์ เลนในบทนูเดิล…

นาตาชา รอธเวล: “ฉันหลงใหลคาลาห์มากค่ะ ฉันใช้ช่วงขอบคุณพระเจ้าไปกับเธอและครอบครัวของเธอ เธอเป็นคนร่าเริงและพอได้เห็นแล้วจะรู้สึกสบายตา เวลาที่มีคนอายุน้อยใช้ความสามารถของตัวเอง มีความกล้าที่จะแสดงออกมาและฉันภูมิใจที่ได้ร่วมงานกับเธอค่ะ ฉันคิดว่ามันจะสร้างพลังให้ได้มากเลยเวลาที่ดู”

ความเห็นที่มีต่อรายละเอียดยิบย่อยในฉาก…

นาตาชา รอธเวล: “ทุกฉากมีความน่าประทับใจมากค่ะ และเวลาฉันพูดว่าไม่เหลือรายละเอียดอะไรอีกแล้ว… ฉันมักจะพูดติดตลกกับบางคนค่ะ เวลาที่พวกเขาตกแต่งต้นคริสต์มาส จะมีคนที่ตกแต่งแค่ส่วนที่มีคนมองเห็น และด้านหลังก็เว้นไว้อย่างน่าสงสาร ซึ่งจะมีคนอีกส่วนที่ตกแต่งมุมที่ไม่มีใครมองเห็นด้วย เพราะมันเป็นเรื่องของภาพโดยรวม บรรยากาศในฉากนี้คือแบบหลัง มันจะมีตามตรอกซอกซอยเล็กๆ ที่เราเดินผ่านหน้าต่างร้านขายชอคโกแลต ทุกอย่างจะมีจุดประสงค์และเกิดขึ้นด้วยความตั้งใจ ทำให้ฉากดูมีความสดใสสำหรับเราในฐานะนักแสดง และฉันคิดว่าทุกคนในโรงภาพยนตร์จะรู้สึกเช่นกัน”

สิ่งที่รอผู้ชมอยู่ในเรื่อง…

นาตาชา รอธเวล: “ฉันคิดว่าทุกคนจะรักหนังเรื่องนี้ และคิดว่าจะรักมันด้วยหลายเหตุผลค่ะ อย่างแรกคือนี่คือหนังที่สนุก เรื่องเพลงก็น่าทึ่งมาก คิดว่าทุกคนจะร้องไปพร้อมกับพวกเขา ทุกคนจะเข้าใจว่าฉันพูดถึงอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่พอลสร้างไว้ในผลงานของเขา มันเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและมีการพัฒนาอย่างไม่ธรรมดาเลยค่ะ”

ริช ฟัลเชอร์ ในบทแลร์รี่ ชักเคิลส์เวิร์ธ  นักแสดงตลก/พนักงานซักผ้าชายสายฮา

สำหรับการร่วมงานในเรื่อง “Wonka”…

ริช ฟัลเชอร์: “สำหรับผมแล้ววองก้าคือส่วนสำคัญของชีวิตในแง่ภาพยนตร์ นี่คือผลงานอันดับต้นๆ เลยครับ ตอนที่รู้รายชื่อนักแสดงแล้ว โอ้พระเจ้า ทิโมธี ชาลาเมต์ ผมต้องมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ด้วยแล้วล่ะ”

ตัวละครแลร์รี่ ชักเคิลเวิร์ธของเขา…

ริช ฟัลเชอร์: “ชักเคิลเวิร์ธเป็นนักแสดงตลกแบบยุคก่อน เราจะชอบเขาในแบบ (GROANS and CHUCKLES) รอดนีย์ แดนเกอร์ฟีลด์ เฮนนี่ ยังแมน ซึ่งเป็นแบบยุค 1940 เขาคือตัวตึงแบบยุคก่อน Rimshot. Mother-in-law (SCREAMS) ความตลกแนวนั้น และด้วยความที่เป็นยุคก่อน แลร์รี่ไม่ยอมพลาดโอกาสที่จะเล่นมุกสักครั้งเดียว”

สิ่งที่รอผู้ชมอยู่ในเรื่อง…

ริช ฟัลเชอร์: “ผมคดว่านี่คือหนังที่คุณจะอยากดูซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะในเรื่องมีอะไรหลายอย่าง  มีตัวละครในเรื่องมากมาย มีหลายช่วงเวลาที่สะเทือนใจ ผมรู้ว่านี่จะเป็นหนึ่งในเรื่องที่คุณเลือกดูตอนค่ำคืนและอยากดูอีก ไม่ว่าจะมีส่วนร่วมในเรื่องด้านใดก็ตาม”

ราคี ทักราร์ รับบท ล็อตตี้ เบลล์ โอเปอเรเตอร์/พนักงานซักผ้าที่ดูเงียบแต่มีพลัง

ความเห็นที่มีต่อการร่วมงานกับพอล คิง…

ราคี ทักราร์: “การร่วมงานกับพอล [คิง] เหมือนการร่วมงานกับคนที่ดูจะมีความเป๊ะ ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องความอึดอันนะคะ แต่หมายถึงสิ่งที่เขามองภาพว่าอะไรจะสร้างความอมตะให้เรื่องได้บ้าง เขาสร้างผลงานไว้ในเรื่อง ‘Paddington’ และเขาสสร้างบรรยากาศแบบนั้นทั้งตั้งใจและไมตั้งใจออกมาเป็นผลงานศิลปะสุดเพอร์เฟ็กต์ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องยากมาก และเขาก็มีความไร้สาระที่ทำให้มันออกมาสนุกมากได้ด้วย”

ความเห็นที่มีต่อความน่าทึ่งในเสื้อผ้าของลินดี้ เฮมมิง…

ราคี ทักราร์: “ผลงานของ [ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย] ลินดี้คือสิ่งที่ฉันรักมากค่ะ มันมีความพิเศษไม่ใช่เฉพาะกับตัวละคร แต่สำหรับรูปร่าง สไตล์ และยุคสมัยด้วย เราสามารถเข้าไปคุยกับเธอและเธอบอกว่า ‘มันแค่ต้องทำแบบนี้เท่านั้นเอง’ เธอปลอยให้นักแสดงได้สร้างผลงานให้ตัวเองด้วย และสร้าความแน่ใจว่าทุกอย่างสอดคล้องกับตัวละคร เธอมีความถนัดในวงการนี้มาก จริงไหมคะ? เธอเป็นคนเก่ง เวลาเราไปลองเสื้อผ้ากับเธอคือช่วงเวลาที่ตื่นเต้นมาก เพราะเธอจะตื่นเต้นไปพร้อมกับเรา เธอจะพูดว่า ‘หมุนตัวหน่อย’ พอเราหมุนตัวและเห็นชุดของตัวเอง นั่นก็เหมือนเห็นเวทมนตร์ในภาพยนตร์แล้ว? มันไม่ใช่แค่ประสบการณ์ที่เราพบได้ทุกวัน มันเป็นเรื่องพิเศษมากค่ะที่ได้ร่วมงานกับเธอ”

สิ่งที่รอผู้ชมอยู่ในเรื่อง…

ราคี ทักราร์: “ฉันคิดว่าเราจะได้พบกับความหวังค่ะ นั่นคือสิ่งที่อยู่ในเรื่องราว… มันเป็นเรื่องของคนที่พบกับการสูญเสียในหลายอย่าง วิลลี่และนูเดิลเจอความสูญเสียเยอะมาก คนงานก็พบความสูญเสียมกามาย และได้พบกับความหวังอีกครั้ง ฉันคิดว่าทุกคนจะเข้าใจมันได้ดีค่ะ และอาจคิดว่าสถานการณ์นั้นจะเปลี่ยนไปได้”

ทอม เดวิส รับบทบลีเชอร์ลูกน้องผู้งมงาย

ความเห็นที่มีต่อทิโมธี ชาลาเมต์ในบทวองก้า…

ทอม เดวิส: “มันคือบทบาทที่หนักมาก ซึ่งทิโมธีทำได้… ว้าว ผมโชคดีที่ได้ร่วมซ้อมบทกับเขา และถ่ายทำบางฉากช่วงแรก ผมรู้สึกว่า ‘ว้าว ต้องสวมบทบาทของผู้ใหญ่และต้องโตขึ้นแล้วทอม เพราะเด็กๆ เหลือเชื่อมาก เขาเหมือนอยู่อีกขั้นเลย’ ความฉลาดที่ทิโมธีแสดงให้เห็น เขาทำให้นึกย้อนถึงจุดเริ่มต้นเส้นทางของวิลลี่สู่วิลลี่ วองก้า ผู้ชายที่มีโรงงานชอคโกแลตแห่งนี้ เหมือนเราได้เห็นการเดินทางที่เกิดขึ้นตลอดทั้งเรื่องราว… ตั้งแต่ช่วงที่เขาได้พบกับตัวละครของผมและโอลิเวีย เขาดูมีความกังวลและเป็นเด็กไร้เดียงสา จากนั้นเขาโตขึ้นกลายเป็นผู้ใหญ่ที่เราทุกคนรู้จัก”

ความเห็นที่มีต่อพอล คิง…

ทอม เดวิส: “พอลเป็นนักจินตนาการที่มีความมหัศจรรย์มาก เวลาเราเห็นพอล คิงทำภาพยนตร์หรือการแสดงใดก็ตาม มันไม่มีความแข็งทื่อเลย พอลเห็นภาพรายละเอียดทุกอย่างในหนังเรื่องนี้ ไม่มีอะไรทำลายความมหัศจรรย์ได้เลย เขาเป็นคนที่เราอยากทำงานด้วยมากที่สุด บางครั้งเขาทำให้มันกลายเป็นเรื่องเล็กได้เมื่อเป็นผลงานชิ้นใหญ่ ฉากของผมส่วนใหญ่จะแสดงกับผู้เข้าชิง Oscar และเจ้าของ Oscar เมื่อ 7 ปีที่แล้วผมเคยทำงานที่ไซท์ก่อสร้าง มันดูน่าวิตกเพราะเราได้มาอยู่จุดนี้ แต่ทิมมี่ โอลิเวีย และพอลทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องง่าย สัมผัสได้ถึงความสบาย นั่นคือจุดเริ่มต้นการทำงานร่วมกับพอล คิง” 

ความเห็นที่มีต่อตัวละครบลีเชอร์ของเขา…

ทอม เดวิส: “บลีเชอร์เป็นคนที่ดูแข็งกร้าว แต่อันที่จริงเขารักคุณนายสครูบิตต์มาก และผมรู้สึกเหมือนเป็นเด็กนักเรียนตัวเล็กๆ เลยเมื่อได้ยินว่าผมจะคู่กับโอลิเวีย โคลแมน เพราะเธอน่าทึ่งมาก ตัวละครของเธอมีความโหดเหี้ยม แต่เธอคือคนที่น่ารักที่สุดเทาที่เคยพบในชีวิตของผมเลย โอลิเวีย โคลแมนรับบทร้ายได้ไม่เหมือนใครเลย”

ความเห็นที่มีต่อตัวละครเจ้าหน้าที่แอฟฟาเบิลของเขา…

คอบนา โฮลด์บรูค-สมิธ: “เขาเป็นคนน่ารักสุดๆ มีความจริงใจและจริงจัง ผมนึกภาพว่าเขาคงหลงใหลและเชื่อมั่นในงานของเขา เขารักงานของตัวเอง นั่นคือหัวใจสำคัญ คือประเด็นสำคัญในการรับบทนี้ เขาสนุกกับสิ่งที่ทำ เขาเป็นตำรวจและรักษากฎหมาย ปกป้องประชาชนและทำให้เมืองมีความสุข จนผมคิดว่านั่นคือการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ (หัวเราะ) )… เขาต้องพยายามรักษาความมุ่งมั่นเอาไว้ท่ามกลางเรื่องวุ่นวายของเจ้าหน้าที่”

ความเห็นที่มีต่อพอล คิง…

คอบนา โฮลด์บรูค-สมิธ: “พอล คิงเป็นคนที่น่ารักมากคนหนึ่งเลยครับ เขาใส่ใจรายละเอียดการสร้างสิ่งต่างๆ อย่างที่ควรจะเป็นในฐานะของผู้กำกับฯ และผมคิดว่าเขารู้จังหวะที่จะสร้างความเหมาะสม ในฐานะนักแสดงผมรู้สึกว่าวางใจเขาได้ ผมรู้สึกสบายใจและมั่นใจว่ามุมมองของเขาจะนำทางผมได้ถูกต้อง”

คีแกน ไมเคิล คีย์ ผู้รับบทเจ้าหน้าที่ตำรวจ…

คอบนา โฮลด์บรูค-สมิธ: “คีแกน ไมเคิล คีย์เป็นคนตลกครับ เขาเป็นไอดอลของใครหลายคนเลยล่ะ และผมก็เห็นได้ชัดเจนว่าทำไม เขามีความเป็นนักประดิษฐ์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด บางครั้งทุกครั้งจะเล่นสดแล้วดูเฉยๆ อาจจะดูน่าเบื่อบ้าง มันเหมือนการตื่นตัวในการค้นหาความแปลกใหม่ แต่สิ่งที่เขาค้นพบดูจะมีแต่ความเป็นไปได้ไม่รู้จบ เราจะเดินเส้นทางไหนก็ได้ที่เขาเลือกและเริ่มหนังเรื่องใหม่”

พูดคุยกับบรรดาผู้สร้างภาพยนตร์:

พอล คิง (ผู้กำกับฯ / ผู้เขียนบทฯ และเนื้อเรื่อง)

ความเห็นที่มีต่อการเล่าเรื่องของหนุ่มน้อยวิลลี่ วองก้า…

พอล คิง: “ผมอยากนำโลกของวองกล้ากลับมา ตอนที่เขายังเด็กและทำตาโต เต็มไปด้วยความหวังและการมองโลกในแง่ดี ก่อนที่เขาจะกลายเป็นเหมือนจีน วิลเดอร์ วิลลี่ วองก้าในแบบที่เรารู้จักและหลงรัก บางคนไม่รู้จักชื่อเขา แต่มีความใฝ่ฝันถึงอนาคตที่สดใส สิ่งที่ผมอยากถ่ายทอดออกมาคือความอัจฉริยะอันน่าทึ่งที่เราจะนึกภาพได้ ชายคนหนึ่งได้ค้นพบตัวเองรวมถึงครอบครัวด้วย

“ครั้งแรกที่เราได้พบกับวิลลี่ วองก้าในหนัง เขายังไม่ใช่ตัวละครที่เราหลายคนโตมาพร้อมกัน เขาเป็นหนุ่มน้อยที่เดินทางมาในเมืองแปลกต เต็มไปด้วยสถานที่ลึกลับและเต็มไปด้วยเวทมนตร์ เขามีภาพในหัวชัดเจนว่าอยากให้อนาคตเป็นแบบไหน และเขาเชื่อว่ามันเป็นไปได้ เขาจึงไม่นึกถึงคำตอบว่า ‘ไม่’ เลย ผมรู้สึกว่าเราจะเป็นผู้คิดค้นที่เก่งกาจไม่ได้หากขาดความมุ่งมั่นและความเชื่อในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ผมคิดว่าไม่เคยได้ยินใครพูด ‘มันเป็นไปไม่ได้หรอก’ และพูดว่า ‘โอ้ นั่นไง ฉันยอมแพ้แล้วล่ะ’ เขาคือวิลลี่ วองก้า และสามารถผลิต Fizzy Lifting Drink! ขึ้นมาได้ รวมถึง  Everlasting Gobstopper! ด้วย”

ความเห็นที่มีต่อทิโมธี ชาลาเมต์ในบทวองก้า…

พอล คิง: “เวลาที่ผมคิดถึงทิโมธีในบทนี้ ผมนึกถึงการคัดเลือกตัวเขามารับบทวองก้าที่แสนเรียบง่าย ผมคิดว่าเขามีความโดดเด่นอยู่ในตัว เขารู้สึว่าตัวเองก้าวสู่อีกมิติหนึ่งได้ รู้สึกเหมือนถ่ายทอดรายละเอียดของตัวละครที่มีเวทมนตร์ได้อย่างไร้ที่ติ เป็นการผสมผสานระหว่างความแปลกและพลังที่ซ่อนอยู่ มีความจริงใจ อารมณ์ขัน และความแปลก จนเขากลายเป็นพาร์ทเนอร์ที่มีความสร้างสรรค์ในเรื่องตัวจริงคนหนึ่ง”

ความเห็นที่มีต่อคาลาห์ เลนในบทนูเดิล…

พอล คิง: “เรามีการคัดตัวนักแสดงกันอย่างยิ่งใหญ่สำหรับบทนูเดิล เขาเป็นอัจฉริยะที่อยู่เคียงบ่าเคียงไหล่หนุ่มน้อย วิลลี่ วองก้ามีความกระตือรือร้นเหมือนเด็กและทำให้ทุกคนคล้อยตามไปด้วย ผมชอบไอเดียของการมีสองบุคลิกที่ช่วยประคองภาพยนตร์เอาไว้ มีผู้ใหญ่ที่มีความเป็นเด็ก และมีเด็กที่มีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่า ผมจำตอนที่เห็นออดิชันของคาลาห์ครั้งแรกได้ ตอนนั้นผมอยู่ไกลถึง 5,000 ไมล์และได้รับลิงค์ให้ดูบนคอม ผมเอาให้ไซมอน [ฟาร์นาบี] เพื่อนนักเขียนของผมดูด้วย เราต่างก็รู้สึกว่า ‘เธอน่าทึ่งมากเลย!’ เธอทำให้เราหัวเราะได้ ดูบอบบางแต่มีความแกร่ง และเธอยังเข้าใจจังหวะของเรื่องดี เธอเข้ากับนักแสดงคนอื่นที่ร่วมงานด้วยได้ดีมาก ทั้งโอลิเวีย โคลแมน, ทิโมธี ชาลาเมต์, ฮิวจ์ แกรนท์.”

ความเห็นที่มีต่อทีมนักแสดง “Wonka”…

พอล คิง: “ผมรู้สึกโชคดีมากที่ได้ทีมนักแสดงนี้ มีแต่คนยอดฝีมือที่เตรียมพร้อมจะมาร่วมงานกับผม ผมรู้สึกว่าทุกครั้งที่ถามว่ามีใครพร้อมจะร่วมงานด้วยไหม พวกเขาจะตอบ ‘ได้เลย’ รู้สึกเหมือนเด็กที่อยู่ในร้านขายของเล่น เราคัดเลือกคนที่คิดว่าเป็นนักแสดงที่เก่ง มีความสนุกสนาน และโชคดีที่เราได้คนที่บังเอิญเป็นนักร้องเสียงดีอีกด้วย”

ความเห็นที่มีต่อการกลับมาของอูมปา ลูมป้า…

พอล คิง: “คงจะเป็นภาพยนตร์วิลลี่ วองก้าไม่ได้ หากไม่มีอูมปา ลูมป้า ผมสนใจที่อูมปา ลูมป้าคอยตามวิลลี่ แทนที่จะเป็นวิลลี่คอยตามอูมปา ลูมปป้า เรารู้ว่าพวกเขาต่างเป็นแฟนชอคโกแลต แน่นอนว่าวิลลี่คือผู้ที่ผลิตชอคโกแลตที่ดีที่สุดบนโลก ส่วนอูมปา ลูมป้าคอยตามวิลลี่ไปทั่วโลกเพราะชอคโกแลตของเขา และคอยขโมยจากเขาตลอดเวลาที่ต้องการ

ในหนังสืออูมปา ลูมป้ามีทั้งบทกวีหรือเพลงยาวหลายหน้า มันมีทั้งความตลกและการเสียดสี มีความสดใสร่าเริง มีการจิกกัด และเหน็บแนม น้ำเสียงของฮิวจ์ แกรนท์ดังก้องอยู่ในหัวของผม และไอเดียที่ให้เขามีผิวสีส้ม ผมสีเขียว .. ผมเคยคิดภาพนั้นเอาไว้ มันยากที่จะสลัดออกไปได้ ผมเลยต้องแบ่งปันภาพนั้นให้กับทุกคน”

ความเห็นที่มีต่อผู้สร้างฯ เดวิด เฮย์แมน…

พอล คิง: “เห็นได้ชัดว่าเดวิดเป็นผู้สร้างฯ ที่ไม่ธรรมดา เขามีผลงานภาพยนตร์สนุกๆ หลายเรื่อง ผมรู้สึกโชคดีมากที่ได้ร่วมงานกับเขาอีกครั้ง เราเคยร่วมงานกันในเรื่อง ‘Paddington’ ผมคิดว่าความเจ๋งของเขาอยู่ที่พยายามทำให้ทุกอย่างดีขึ้นอย่างไม่ย้อท้อ เรามักจะผลักดันตัวเองสู่อีกก้าวได้เสมอ สำหรับคนที่ประสบความสำเร็จมากๆ ความปรารถนาของเขาคือการสร้างภาพยนตร์ที่ดีที่สุดออกมาทุกครั้ง ไม่เคยยอมรับผลงานแค่ ‘พอใช้ได้’ นั่นคือความไม่ธรรมดา และผมคิดว่าอยากแชร์คุณสมบัติแบบนั้นมาบ้าง เพื่อให้เราผลักดันกันไปข้างหน้า”

ความเห็นที่มีต่อพาร์ทเนอร์เขียนบท ไซมอน ฟาร์นาบี…

พอล คิง: “ไซมอนเป็นคนที่ผมร่วมงานด้วยมาหลายปีแล้ว เขาร่วมงานในเรื่อง ‘Paddington’ เราเขียนบทฯ  ‘Paddington 2’ ด้วยกัน และยังมีผลงานเรื่องอื่นอีกด้วย ผมเคยร่วมงานกับเขาในฐานะนักแสดง ความวิเศษสุดเกี่ยวกับไซมอนคือเขาเป็นคนตลกเหลือเชื่อ เรามีความสุขที่ได้เขียนบทร่วมกัน เขาเป็นนักแสดงที่เก่งมากด้วย พอถึงช่วงที่เราต้องสร้างหนังร่วมกัน ผมได้ยินแต่เสียงไซมอนพูดทุกประโยคอยู่ในหัว และนั่นคือสิ่งที่ดีมากเวลที่นักแสดงคนอื่นเข้ามาร่วมงานและคิดว่า ‘โอ้ คุณคือไซมอน แต่เจ๋งกว่านั้นอีก!’ ผมคิดว่าเราแชร์พลังให้กันในการสร้างความสนุกสนานอย่างเต็มที่ แต่ใส่อารมณ์ความรู้สึกเข้าไปด้วย”

ความเห็นที่มีต่อเสียงเพลง…

พอล คิง: “ตอนที่ไซมอนกับผมเขียนบทร่างแรกด้วยกัน เราพยายามนึกว่าเสียงเพลงควรเป็นแบบไหน มีหลายช่วงเวลาที่เรารู้สึกว่า ‘ตรงนี้มีเพลงขึ้นมาได้’ และเราก็ลองแต่งเพลงขึ้นมาเล่นๆ ซึ่งกลายเป็นเรื่องที่ยากพอควรเลย (หัวเราะ) แต่เราคิดว่าได้สร้างผลงานที่ใช้ได้เลย บางครั้งเราอยากจะอิงจากเพลง หลายครั้งก็เป็นเพลงหนึ่งของนีล หรือบางทีก็มีจังหวะเพลงอยู่ในหัว เราหวังว่านีลจะแต่งเนื้อเพลงและขัดเกลาทำให้มันเพราะขึ้นได้ แต่ความจริงแล้วคือเขาโยนทิ้งไปและเริ่มใหม่เลย (หัวเราะ)! เขากลับมาพร้อมผลงานในแบบของตัวเอง ซึ่งดีกว่าเดิมเป็นร้อยเท่าเลย มันทำให้ขัน้ตอนการเขียนบทดีขึ้นมากด้วย เพราะเราเห็นภาพจากบทของเราได้ และมีเนื้อเพลงรองลงมา จากนั้นใส่ผลงานระดับเกรด  A+ ของเขาลงไป จนเรารู้สึกว่าทุกอย่างกระโดดออกมาจากหน้ากระดาษได้ เป็นขั้นตอนที่ราบรื่นมากและเห็นภาพว่าเสียงเพลงจะออกมาเป็นแบบไหน ควรมีความยาวนานขนาดไหน ใครควรเป็นคนร้อง และควรใส่ช่วงไหน เราไม่มีทางรู้จนกระทั่งภาพยนตร์มารวมร่างกัน มันเหมือนการผจญภัยอย่างหนึ่งเลยล่ะ”  

ความเห็นที่มีต่อนีล แฮนนอน…

พอล คิง: “รอบตัวเรามีมิวสิเคิลสนุกๆ หลายเรื่อง และมีคนมากมายที่แต่งเพลงให้มิวสิเคิลนั้น แต่ ‘Wonka’ ไม่ใช่มิวสิเคิลที่เหมือน ‘Les Misérables’ ที่มีการร้องเพลงตลอดเวลา มันรู้สึกเหมือนภาพยนตร์ที่มีเพลงเพราะๆ ในเรื่องมากกว่า นีล แฮนนอนเป็นนักแต่งเพลงที่เก่งเกินคด ผมรัก The Divine Comedy วงดนตรีของเขา ตั้งแต่รู้จักพวกเขาและเพลงของเขาก็สร้างความสนุกสนาน เข้าถึงอารมณ์ได้ มันรู้สึกเหมือนเขาสามารถแต่งเพลงที่เหมาะกับความเป็นโรลด์ ดาห์ลขึ้นมาได้”

ความเห็นที่มีต่อความรับผิดชอบในตัวละครอันเป็นที่รักในงานประพันธ์…

พอล คิง: “สำหรับวิลลี่ วองก้าที่โรลด์ ดาห์ลสร้างขึ้นมาอย่างมีเอกลักษณ์ ผมโตมาพร้อมกับการหลงรัก Charlie and the Chocolate Factory ผมมีหนังสือปกอ่อนเล่มเก่าๆ ที่อ่านมาหลายสิบรอบ เพราะผมจำความรู้สึกที่ทุกอย่างบนหน้ากระดาษออกมาจากหนังสือได้ ผมอ่านหนังสือเด็กของเขาทุกเลมและรักผลงานเหล่านั้นมาก แต่วิลลี่ วองก้าคือฮีโร่ตลอดกาลที่ผมย้อนกลับไปหาเสมอ ตอนนี้การได้ย้อนจินตนาการกลับไปหาจุดเริ่มต้นของเขา มีโอกาสได้สร้างเรื่องนี้และโลกใบนี้ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Dahl Group วิลลี่อาจพูดอย่างภูมิใจว่า ‘ฝันที่เป็นจริง’”

สิ่งที่เขาอยากมอบให้ผู้ชม…

พอล คิง: “ผมคิดว่าความหวังที่มีต่อเรื่อง ‘Wonka’ ไม่ต่างจากที่หวังไว้ว่าคนอื่นจะได้รับความรู้สึกเหมือนตอนที่อ่าน Charlie and the Chocolate Factory ครั้งแรก ตอนที่ผมอ่านครั้งแรก… หวังว่าคุณจะหัวเราะ มีความสุข ได้พบกับความพิเศษไม่เหมือนใคร แต่เมื่อดูหนังผมหวังว่าคุณจะรู้สึกมีความหวังกับโลกมากขึ้น”

เดวิด เฮย์แมน (ผู้อำนวยการสร้างฯ)

การรับภารกิจในโปรเจ็กต์นี้…

เดวิด เฮย์แมน: “ตอนที่ผมู้ว่าจะรับหน้าที่ดัดแปลงผลงานเรื่องราวของวิลลี่ วองก้า รู้สึกว่าตัวเองได้รับโอกาสสำคัญ เพราะวองก้าเป็นตัวละครชื่อดัง ตัวละครเด่นของดาห์ล เขามีความซนและแววตาที่เป็นประกาย เต็มไปด้วยจินตนาการและความหลงใหลอันเหลือเชื่อ เขามีความเป็นศิลปินที่อยู่ในโลกของตัวเอง ค่อนข้างดูแปลกและไม่เข้าใจคนที่อยู่รอบตัวสักเท่าไหร่ แต่เขามีความร่าเริง สดใส และเก่ง เขาเป็นตัวละครที่มีความมหัศจรรย์สำหรับการเป็นหัวใจสำคัญของเรื่อง”

ความเห็นที่มีต่อทิโมธีในบทนี้…

เดวิด เฮย์แมน: “ทิโมธี ชาลาเมต์มีความอัจฉริยะ สามารถถ่ายทอดความรู้สึกและอารมณ์ขัน รวมถึงใส่ใจเรื่องรายละเอียดและอารมณ์ได้ ไม่มีวันไหนที่เขามาทำงานแล้วไม่ทุ่มเทพลังออกมาให้เห็น เขามักจะทำให้มันดีขึ้นเสมอ และสามารถถ่ายทอดสปิริตของตัวละคร ทำให้ดูสดใสและมีเวทมนตร์สมจริงได้”

ความเห็นที่มีต่อพอล คิง…

เดวิด เฮย์แมน: “นี่เป็นผลงานเรื่องที่ 3 ร่วมกับพอล คิง ผมคดว่าเขามีพรสวรรค์ที่พิเศษไมเหมือนใคร เป็นหนึ่งในผู้กำกับฯ ที่เก่งมากเท่าที่ผมเคยร่วมงานด้วย รู้สึกพิเศษที่ได้ร่วมงานกับเขา ไม่ใช่แค่ผลักดันให้ภาพยนตร์ออกมาดีที่สุด ให้ทุกช่วงเวลาออกมาดีเท่าที่จะทำได้ แต่เขายังมีความรู้สึกและอารมณ์ขันที่น่าทึ่งด้วย”

ความเห็นที่มีต่อทีมงานเบื้องหลังกล้อง…

เดวิด เฮย์แมน: “พวกเราโชคดีมากที่ได้ร่วมงานกับผู้ชำนาญที่มีพรสวรรค์น่าทึ่งในเบื้องหลังด้วย ผู้ออกแบบฉากของเรา นาธาน โครว์ลีย์ ได้สร้างโลกที่สดใสและมีความโดดเด่น ตั้งแต่ร้านชอคโกแลตไปจนถึงร้านซักผ้าที่อยู่ทั่วเมือง ทุกฉกมีความอลังการงดงามอย่างน่าทึ่ง และผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย ลินดี้ เฮมมิง เข้าใจตัวละครในโลกใบนี้เป็นอย่างมาก การออกแบบของเธอมีสีสันสดใสและสะท้อนความเข้าใจ ทุกคนมีความเก่งและมีรสนิยมที่น่าทึ่งมากครับ”

อเล็กซานดรา เดอร์บีไชร์ (ผู้อำนวยการสร้างฯ)

ความเห็นที่มีต่อพอล คิง…

อเล็กซานดรา เดอร์บีไชร์: “พอลเป็นศิลปินที่น่าทึ่งและเป็นนักปรับเปลี่ยนที่เก่ง เขาใส่ใจเรื่องรายละเอียดและผู้สร้างภาพยนตร์ที่ร่วมงานกับเขามาก เขามีจินตนาการชัดเจนว่ามองเห็นโลกแบบนั้น และมันชัดเจนในทุกรายละเอียดเลย เขาให้ความช่วยเหลือในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการแสดง เสียงดนตรี แผนกศิลป์ ทุกด้านจริงๆ ผมพูดได้เลยว่าเขาเหมือนผู้กำกับฯ ตัวจริง นั่นคือสิ่งที่ผู้สร้างฯ ต้องการจากผู้กำกับฯ เห็นได้ชัดเจนว่าหน้าที่ของเราคือการช่วยเหลือนำภาพนั้นมาสร้างเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาให้ได้”

ความเห็นที่มีต่อทิโมธี ชาลาเมต์…

อเล็กซานดรา เดอร์บีไชร์: “ทิโมธีมีพรสวรรค์อย่างเหลือเชื่อ ตั้งแต่ช่วงแรกที่เขาปรากฏตัวขึ้นมา เขาถ่ายทอดวองก้าได้ออกมาอย่างน่าทึ่ง เขาโตไปพร้อมกับตัวละครตลอดการถ่ายทำ เขาทั้งร้องและเต้นได้ เขาเก่งมากจนรู้สึกชื่นใจที่มีเขามาร่วมงานในเรื่อง เขามีความเป็นมืออาชีพและพร้อมทำทุกอย่างให้ออกมาถูกต้อง คิดว่าเขากับพอลจะสร้างมิตรภาพที่ดีขึ้นมาได้ในฉาก ทิมมี่มักจะมาย้อนดูเทปทุกม้วน พวกเขาจะมาจดรายละเอียดด้วยกัน เขามักจะอยากทำทุกอย่างให้ดีขึ้น มีความมุ่งมั่นสูงมาก ฉันคิดว่าเขาสะท้อนอารมณ์ในทุกรายละเอียดออกมาบนหน้าจอได้ และสามารถพลิกบทระหว่างสนุกสนานสู่ความน่าสงสารได้อย่างน่าประหลาด การแสดงของเขาดูมีความซับซ้อน คิดว่าสิ่งที่ทำให้ฉันเซอร์ไพรส์คือเขาสามารถเล่น 10 เทคได้โดยมีการปรับเปลี่ยนอะไรเล็กๆ น้อยๆ ทำให้ตัวละครดูมีอะไรน่ามอง”

ความเห็นที่มีต่อประสบการณ์นี้…

อเล็กซานดรา เดอร์บีไชร์: “ตลอดทั้งเรื่องจะสัมผัสได้ถึงความสนุก ทุกสีสัน ทุกการเคลื่อนไหว ฉันคิดว่านั่นคือสิ่งที่เราทุกคนต้องการ ฉันเชื่อว่าเราต้องการหนังแบบนี้ เพราะมันทำให้เรายิ้มได้ เรายิ้มไปกับทุกฉากเวลาที่แสดงฉากมิวสิเคิลทั้งหลาย คิดว่ามันมีความไม่ธรรมดาอยู่ค่ะ”

นาธาน โครว์ลีย์ (ผู้ออกแบบฉาก)

ความเห็นที่มีต่อการสร้างโลกขึ้นมา…

นาธาน โครว์ลีย์: “การออกแบบในเรื่อง ‘Wonka’ เรื่องราวสุดมหัศจรรย์ที่มาพร้อมเสียงดนตรี ทำให้ผมได้เข้าไปในโลกแห่งจินตนาการอันไร้เดียงสา ได้คิดอะไรต่างจากสิ่งที่เคยทำมาก่อนในเรื่องอื่น ผมได้ใส่ความสร้างสรรค์และได้ทดลองมากขึ้น ในฐานะนักออกแบบผมพยายามสร้างโลกขึ้นมาอย่างแนบเนียนจนผู้ชมไม่ทันสังเกตเห็น ในแง่ของจินตนาการเราหวังว่าจะสร้างโลกที่มีความแปลกและความน่าเชื่อถือเข้ามาได้ วิลลี่ วองก้าเป็นตัวละครที่มีสีสันและมีความแปลก ความเป็นตัวตนของเขาจะสะท้อนให้เห็นตลอดทั้งเรื่องราว ฉากในเรื่องคือเมืองที่แต่งขึ้นมีซึ่งมีกลิ่นอายคล้ายกับเมืองต่างๆ ทางยุโรป แต่อำนาจของวิลลี่ วองก้าเปลี่ยนเมืองนั้นให้กลายเป็นดินแดนมหัศจรรย์ที่ทุกสิ่งเป็นจริงได้ การออกแบบช่วยสะท้อนความโดดเด่นและการเดินทางที่ยากจะลืมสำหรับผู้ชม

“พอลอธิบายหลายอย่างและเขาอยากทดลองหลายไอเดียที่อยู่ในหัว เราก็ลองไปตามเขา เราใช้เวลาก่อนการถ่ายทำจริงไปกับการทดลองหลายไอเดียและหาสถานที่ จนเราตัดสินใจถ่ายทำที่ยุโรป เดินทางไปที่จัตุรัสของจริง แต่ถ้าเราสร้างขึ้นมาที่ไหนคือจัตุรัสแห่งนั้นล่ะ? เราเลยตัดสินใจว่าต้องถ่ายทำบนสถานที่จริง มันทำให้เกิดความท้าทายหลายอย่าง นักเต้นจำนวนมากและต้องควบคุมเรื่องพื้นที่เป็นช่วงเวลานาน ผมคิดว่าการสร้างขึ้นมาบนโรงถ่ายขนาดใหญ่ก็ไม่เลว เพราะเราสามารถควบคุมทุกอย่างได้เอง

“ฉากหนึ่งที่ผมชอบคือแกลเลอเรียที่เปิดประตูและพบได้ที่หลังโรงถ่าย มันเหมือนกับโลกแห่งจินตนาการเลยล่ะ..”

ลินดี้ เฮมมิง (ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย)

ความเห็นที่มีต่อมุมมองตัวละครต่างๆ…

ลินดี้ เฮมมิง: “พอล คิงชื่นชอบเนื้อเรื่อง ความแปลก มีเอกลักษณ์ และความสมจริงของเนื้อเรื่อง เขาสนับสนุนให้เราคิดไปทางนั้น ตอนที่อ่านบทของเขาฉันเห็นตัวละครต่างๆ และในฐานะผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย นั่นคือสิ่งที่สคัญมาก ฉันต้องสร้างภาพที่สอดคล้องกับตัวละครอย่างเห็นได้ชัด เสื้อผ้าไม่ได้เป็นแค่เสื้อผ้า แต่ชิ้นส่วนของเสื้อผ้าที่เลือกใช้นั้น… มันมีเหตุผลที่เลือกสวมใส่”

ความเห็นต่อการร่วมงานกับคิง…

ลินดี้ เฮมมิง: “ตอนที่พอลติดต่อฉันมา ฉันดีใจมากค่ะ เราเคยร่วมงานกันในเรื่อง ‘Paddington’ ฉันรู้สึกว่าเราเข้ากันได้ดีมาก เพราะเราคุยกับเขาได้ตรงไปตรงมา หากคุณคือผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย สิ่งสคัญคือเราต้องจูนเข้ากับผู้กำกับฯ ได้ พออ่านบทแล้วเห็นตัวละครต่างๆ เราสามารถถามได้ว่าพวกเขาเป็นอย่างไร ไม่งั้นเราอาจตีความผิดได้ เราอาจมีแนวทางของเรา แต่เราต้องมีการพูดคุยกัน บางมุมคือตัวเรา บางมุมคือตัวพวกเขา และบางมุมก็เป็นอย่างอื่น ทุกอย่างเข้ากันได้ดีและทำให้มันมีความน่าสนใจมากขึ้นค่ะ”

ความเห็นที่มีต่อเสื้อผ้าของวองก้า…

ลินดี้ เฮมมิง: “แนวคิดช่วงแรกของวิลลี่ วองก้าและเสื้อผ้าทั้งหมดของเขา คือช่วงแรกที่เราเห็นเขา เขาดูเดินทางไปทั่วโลกด้วยเสื้อผ้าเหล่านั้น บางครั้งไปเมืองร้อน เขาก็จะสวมโค้ทกำมะหยี่ไม่ได้ พอเดินทางไปที่เย็นลง เขาก็จะสวมอะไรหนาขึ้น เราจะไม่เริ่มจากโค้ทกำมะหยี่สีเบอร์กันดี้ เพราะเขาเดินทางโดยเรือตลอด เราจะเห็นเขาอยู่บนเรือด้วยชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงขายาว การสวมเสื้อผ้าหลายชั้นจะเป็นตอนที่เขาออกจากเรือขึ้นฝั่ง สิ่งแรกที่เราเห็นคือโ,กของวองก้าแบบจีน วิลเดอร์ช่วงที่เขาเข้าเมือง เขาจะสวมโค้ทกำมะหยี่สีเบอร์กันดี้”

ความเห็นที่มีต่อสีสันหลักที่สำคัญ…

ลินดี้ เฮมมิง: “เสื้อผ้าขนแกะของผู้ผลิตชอคโกแลตทุกชิ้นจะมีการย้อมสีพิเศษ เพราะพอลอยากให้มีสีเขียว สีฟ้า และสีเหลือง นั่นคือสีสันเสื้อผ้าของพวกเขาที่สอดคล้องกับสีร้านชอคโกแลตของพวกเขา จนไปถึงกระดาษห่อชอคโกแลต รวมถึงทุกสิ่งที่เป็นของพวกเขา พอเริ่มลงมือฉันคิดว่านั่นคือสิ่งสำคัญที่เราได้รู้ มันต้องดูมีสีสัน ดูมีความสมจริงสูงสุดและตัวละครต้องดูโดดเด่นด้วย”

ความเห็นที่มีต่อคุณนายสครูบิตต์…

ลินดี้ เฮมมิง: “ทุกชุดสำหรับโอลิเวีย [โคลแมน] ในบทคุณนายสครูบิตต์ต้องตัดขึ้นมา ผ้ากันเปื้อนของเธอมีลวดลาและต้องสั่งตัด คาร์ดิแกนและพวกชุดไหมพรมก็มีการถักขึ้นมาจริงๆ เสื้อผ้าทุกชุดต่างมีลวดลายและต้องผลิตขึ้นมา พอเราเริ่มลงมือไปแล้วกลายเป็นว่าเราต้องตัดทุกชุดให้เธอไปได้ แม้แต่ชุดที่ดูสวยแบบสมัยก่อน นั่นก็มีการย้อมสีพิเศษ มีการดูแลชุดเป็นพิเศษเมื่อมีการย้อมสีชุดของเธอ และมีการพิมพ์ลายขึ้นมาบนชุดจริงๆ มันอาจดูเหมือนเป็นเสื้อผ้าชุดเก่ทั่วไป แต่เรารู้กันดีว่าทุกชุดมีเรื่องราวอยู่ในนั้น”

ไอวานา ไพรโมแรค (ผู้ออกแบบทรงผมและการแต่งหน้า)

ความเห็นที่มีต่อรายละเอียดต่างๆ…

ไอวานา ไพรโมแรค: “ทุกรายละเอียดตั้งแต่หนวดทุกเส้น ขนคิ้ว จนไปถึงเส้นผม ทุกอย่างออกแบบมาอย่างพิถีพิถันและเลือกความเข้ม สีสันที่เหมาะสมเข้ากับเสื้เอผ้า ทุกตัวละครหลักมีภารกิจในเรื่อง ฉะนั้นทุกคนจึงเป็นตัวแทนของตำแหน่งงานที่ทำได้ มันสนุกมากเลยค่ะ”

ความเห็นที่มีต่อวองก้า…

ไอวานา ไพรโมแรค: “ฉันพูดได้เลยว่าชอบวองก้ามากค่ะ เขามีการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างความหลุดโลก ความจริงจัง และความสมจริง ฉันรักเรื่องราวความเป็นมา การอธิบายตัวตนของเขาในแบบพอล และเหตุผลที่กลยาเป็นเขา มันมีความอัจฉริยะมากค่ะ เพราะเราไม่เคยรู้เรื่องราวที่มาของเขามาก่อน ในเรื่องนี้จะอธิบายเอาไว้ทุกอย่าง เสื้อผ้าและบุคลิกของเขามาจากจุดนั้น ทิมมี่เปลี่ยนไปมากทั้งเสื้อผ้า ทรงผม และการแต่งหน้า ฉันพูดได้เลยว่าลินดี้สร้างเงาของตัวละครนี้ขึ้นมาเลย ซึ่งฉันคิดว่าฉลาดมาก เขาเป็นตัวละครที่มีความพิเศษมากเลย”

ความเห็นที่มีต่อการทำงานจริง…

ไอวานา ไพรโมแรค: “จากการคุยกับพอลช่วงแรก เขาถามฉันว่าคิดว่าเราควรทำอะไร ‘คุณจะสร้างทุกอย่างทีหลัง แบบดิจิตอลหรือ…?’ และฉันเห็นด้วยกับเขาว่าเราควรจะถ่ายทำจริง เพราะคิดว่าทุกอย่างจะออกมาดีกว่าหากเราถ่ายจริง และค่อยปรับบางส่วนทีหลัง ทุกอย่างในโลกของเราคือการถ่ายทจริงค่ะ และมันมีเวทมนตร์หลายอย่างเกิดขึ้น ฉันบอกคุณไม่ได้หรอก ฉันไม่เคยเห็นอะไรวิเศษไปกว่าคาร์เทลบินกลางอากาศได้จริง จากนั้นมีการรวมตัวกันขึ้นไปอยู่บนยอดน้ำพุ… มันตลกดีค่ะ”

การสร้างโลกอันสดใสของ “WONKA” ขึ้นมา

การถ่ายทำที่ Warner Bros. Studios Leavesden เริ่มขึ้นช่วงฤดูใบไม้ร่วง 2021 และถ่ายทำ 21 สัปดาห์บนฉากที่น่าทึ่งมากกว่า 50 ฉากในโรงถ่าย 3 แห่ง โรงจอดขนาดใหญ่ โรงเก็บเครื่องบิน และรวมสถานที่ถ่ายทำที่น่าทึ่งอีกมากกว่า 10 แห่ง 

ระหว่างที่กองถ่ายหลักกำลังถ่ายทำกัน ทีมนักเต้นและดนตรีซ้อมกับทีมนักแสดงหลักทุกวัน รวมถึงเหล่านักเต้น ผู้คนจำนวนมาก และทีมลอยตัว ตารางการทำงานแน่นไม่ต่างจากกองถ่ายหลัก (กองถ่ายย่อยที่ถ่ายพร้อมกองถ่ายหลักถูกเรียกว่า “กองอูมปา ลูมป้า”)

การสร้างโลกที่พอล คิงจินตนาการเอาไว้ ผลงานศิลปะ การตกแต่งฉาก การก่อสร้างและตกแต่งเมืองที่มีความโรแมนติกเหมือนในนิยายเกิดขึ้นบนโรงถ่าย Leavesden มีการสร้างและดัดแปลงสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศอังกฤษ ตั้งแต่หมู่บ้านเล็กๆ ในออกซ์ฟอร์ดร์ ไปจนถึงห้องบอลรูมปี 1950 และโบส์เซนต์พอลอันมีเอกลักษณ์

คิงอธิบายเมืองให้ทีมงานฟังว่า “เมืองที่ดีที่สุดของยุโรป” ผู้ออกแบบฉาก นาธาน โครว์ลีย์ ร่วมงานอย่างใกล้ชิดับลี แซนดาเลส ผู้ตกแต่งฉากและเจมี่ วิลคินสัน ผู้ชำนาญด้านอุปกรณ์ประกอบฉาก ทำให้พอลได้เมืองที่มีเสน่ห์เป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบเบลเยียม อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน และสวิส ผลลัพธ์ของฉากนั้นที่มีการผสมผสาน (ยืมมาจากสิ่งก่อสร้างจริงบนโลก) ดูมีความสมจริงและยิ่งใหญ่ ความเบาของหินปูนในสถานที่ต่างๆ ของบาธและออกซ์ฟอร์ดถูกนำมาใช้กับตึกอาคาร ทำให้เกิดความโรแมนติกของสิ่งก่อสร้างใหม่

นี่เป็นการผสมจินตนาการของยุโรปในสถานที่และช่วงเวลานั้น พร้อมด้วยการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ทั้งการตกแต่งฉากและกราฟฟิค ขณะเดียวกันยังสะท้อนผ่านภาษาและสัญลักษณ์ ซึ่งโลกที่ดูเสมือนจริงต้องอาศัยแสงไฟ สีสัน และการแสดง (ทั้งร้องและเต้นเลย!) เป็นการยกระดับจินตนาการที่ความมหัศจรรย์ของวองก้าเป็นจริงได้

            คิงและทีมงานแตกรายละเอียดเมืองนี้ออกมาจากรายละเอียดที่เล็กที่สุด โดยเริ่มจากจัตุรัสเมืองด้านบน โบสถ์สำคัญด้านหนึ่งและฝั่งตรงข้ามคือแกลเลอรี่ กูร์เมต์ชื่อดัง จากจัตุรัสนั้นจะมีถนนที่ทอดยาวสู่ท่าเรือและร้านซักผ้าของคุณนายสครูบตต์ในสไตล์ Bruges และตรอกซอกซอยที่วองก้าตามบลีเชอร์เมื่อเขาเดินทางมาถึงเมือง

ถนนที่แตกแขนงอีกหลายสายจะอยู่ใต้ดิน ที่นั่นวองก้าใช้หลบหนีจากห้องซักรีดไปขายชอคโกแลตของเขาที่จัตุรัส การสร้างท่อระบายน้ำขึ้นมาในโรงถ่ายมีพื้นที่จำกัดมาก แต่โครว์ลีย์ใช้เทคนิคแบบสมัยก่อนขยายพื้นที่ได้ โดยอาศัยภาพวาดทางด้านหลังและกระจกต่างๆ  

จัตุรัสเมือง

ฉากนี้มีการก่อสร้างอย่างยิ่งใหญ่ โดยใช้พื้นที่ราว 900 x 900 เมตรตลอดพื้นที่โรงถ่ายขนาดใหญ่ของลีฟส์เดน และต้องใช้เวลาราว 8 เดือนจึงสร้างเสร็จ ได้แรงบันดาลใจจาก Old Town Bridge Tower ซึ่งเป็นประตูเข้าออกแนวโกธิคที่งดงาม คุ้มกัน Charles Bridge ใน Old Town ของปรากเอาไว้ โครว์ลีย์ได้สร้างทางเข้าในดินแดนเทพนิยายสู่จัตุรัส

ด้านหนึ่งของจัตุรัสคือที่ตั้งของโบสถ์สำคญ โครว์ลีย์เลือกให้เป็นโบสถ์เซนต์พอลที่งดงาม (มีการถ่ายทำด้านในที่นั่น) โดยใช้บรรยากาศโบสถ์ผสมกับโบสถ์ของปราก พร้อมด้วยโบสถ์เซนต์นิโคลาสใน Old Town Square ของปราก

การถ่ายทำบรรยากาศด้านในของโบส์ (ในเนฟและชอร์) โบสถ์เซนต์พอลต้องปิดเป็นเวลา 3 วันในชวงแรก กองถ่ายเตรียมพื้นที่ ถ่ายทำ และจัดการทุกอย่างภายใน 72 ชั่วโมง โดยได้รับการอนุญาตเป็นพิเศษให้เปิดประตู Great West Door ได้ ปกติจะใช้เป็นทางผ่านสำหรับกษัตริย์รัชกาลปัจจุบันเท่านั้น

            ฉากจัตุรัส กองถ่ายต้องสร้างร้านค้าที่ใช้งานได้จริง 12 ร้าน ร้านอาหาร 2 แห่ง ร้านอาหารแบบนั่งนอกร้าน 2 แห่ง และตกแต่งด้วยตลาดขายอาหารและดอกไม้ โดยแต่จะร้านจะมีเอกลักษณ์โดดเด่นของตัวเอง ซานดาเลสทำให้จัตุรัสนั้นดูมีชีวิตขึ้นมาโดยการหาของมาตกแต่ง มีทั้งของที่ขายตามท้องตลาดไปจนถึงของโบราณ รวมถึงของที่เช่าจากบริษัทในสหราชอาณาจักรและยุโรป

            สำหรับการเก็บภาพทั้งหมด น้ำพุเทียมของจริงสร้างขึ้นใจกลางจัตถุรัส และสเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์ปรับแต่งให้เป็นช่วงฤดูหนาว เพิ่มละอองหิมะเข้าไปในฉาก

แกลเลอรี่ กูร์เมต์

ตรงข้ามโบสถ์ด้านหลังประตูรั้วเหล็กขนาดใหญ่คือที่ตั้งของแกลเลอรี่ กูร์เมต์ ที่นั่นมีร้านค้าของชอคโกแลต คาร์เทล พร้อมด้วยสินค้าระดับสูงและตอนนี้มีพื้นว่างอยู่จุดหนึ่ง ที่นั่นมีสถาปัตยกรรมแบบนีโอ-เรเนซองส์ ออกแบบแกลเลอรี่อิงจากมิลาน เช่น Galleria Vittorio Emanuele II โครว์ลีย์สร้างทางเดินที่มีหลังคากระจกโค้งและมีเส้นตัดกันเป็นทรงแปดเหลี่ยม  

สิ่งสำคัญสำหรับคิงและทีมงานของเขาในการสร้างสลักเวิร์ธ ฟิกเคลกรูเบอร์ และพรอดโนสขึ้นมา ต้องเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับโลกของพวกเขา รวมถึงสีสันที่เป็นเอกลักษณ์ เพื่อสร้างเสื้อผ้าและถ่ายทอดภาพต่งๆ ออกมา หน้าต่างร้านค้าขนาดใหญ่ของพวกเขาตกแต่งไปด้วยกล่องชอคโกแลตและชอคโกแลตที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ การออกแบบแนวโกธิควิคตอเรียนสีกรมท่าสะท้อนถึงชอคโกแลตวงกลมของสลักเวิร์ธใน Spécial Chocolat สีเขียวที่ออกแบบลวดลายศิลปะเป็นพิเศษสะท้อนถึงชอคโกแลตสี่เหี่ยมของฟิกเคลกรูเบอร์ใน Feinste Schokolade และรูปทรงสีเหลืองปี 1940 สะท้อนถึงชอคโกแลตสี่เหลี่ยม-กลมของพรอดโนสใน Cioccolato di Qualità

หน้าต่างร้านบานอื่นในแกลเลอรี่เต็มไปด้วยของยั่วใจเกินจินตนาการ ตั้งแต่ชีสที่ดีที่สุดไปจนถึงคาเวียร์และไวน์ระดับพรีเยม กระจกุกบานตกแต่งอย่างพิถีพิถัน พร้อมด้วยผ้าม่านกำมะหยี่ที่ผลิตขึ้นบนฉากใน Leavesden ผนังหินอ่อนและพื้นกระเบื้องโมเสคมีการออกแบบมาอย่างเรียบร้อย

การถ่ายทำจริงต้องมีการสร้างฉากชั่วคราวขึ้นมาสำหรับแกลเลอรี่ กูร์เมต์ เหมาะสำหรับฉากแอคชันของโฮเวอร์ชอคที่บินได้ มีการสร้างบนลานจอดที่ติดกับทาวน์สแควร์ เพื่อให้ฉากมีหลายส่วนได้ความสูงที่ตรงกับ 45 x 45 เมตร ทำให้คิงและผู้กำกับภาพ ชุง-ฮุน ชุง เก็บภาพวิลลี่ วองก้าเดินทางมาถึงทาวน์สแควร์และเคลื่อนย้ายสู่แกลเลอรี่ กูร์เมต์อย่างแนบเนียน เห็ฯภาพว่าความฝันของเขาจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหนหลังจากรวบรวมความกล้า

ร้านชอคโกแลตของวองก้า

บรรยากาศภายในร้านชอคโกแลตของวอคก้ามีส่วนที่สร้างแยกกันบน S Stage ของลีฟส์เดน เมืองลูกกวาดที่แสนโรแมนติกและมีสีสันออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจจากดาห์ล รายละเอียดในฉากที่มีการหมุนและขยับได้ทำให้ภาพในจินตนาการอลังการมากขึ้น

ทีมผู้สร้างภาพยนตร์อิงการออกแบบจากความทรงจำวัยเด็กของวิลลี่ หัวใจสำคัญของร้านคือต้นซากุระ ต้นไม้แสนสวยที่วิลลี่และคุณแม่ของเขาเคยล่องเรือผ่าน ต้นไม้ที่กำลังหมุนยาวทอดผ่านสะพานและมีลำต้นทรงโค้ง วิลลี่สามารถเดินขึ้นไปถึงยอดด้านบนที่เต็มไปด้วยเมฆสายไหมสีชมพู เรือส่งชอคโกแลตเคลื่อนไปตามแม่น้ำลูกกวาด พร้อมด้วยคลื่นสีขาวที่มีครีมอยู่ด้านบน วิลลี่และนูเดิลชนแก้ว “เชียร์ส” ด้วยถ้วยชอคโกแลต ถนนสายสีชมพูรายล้อมร้าน

ทุกสิ่งที่ปลูกในสวนแห่งเวทมนตร์ต้องกินได้ ทั้งดอกกุหลาบขนาดยักษ์ ดอกหญ้า พุ่มไม้ อมยิ้มและเมฆสายไหม ทีมงานฝายศิลป์มีหลักตกแต่งในฉากง่ายๆ คือ “ถ้ามันดูกินไม่ได้จริงๆ อย่าใช้มัน”

มีการค้นหาข้อมูลและพัฒนาไปสู่การหาดอกไม้ต้นไม้ปลอม พร้อมสร้างความเหมาะสมเพื่อให้ดูกินได้และอร่อย มีทั้งการแกะสลัก การทดลองทาสี เคลือบน้ำตาล เคลือบเงา ดิปชอคโกแลต (เพิ่มจากชอคโกแลตที่กินได้จริงด้านล่าง) 

สครูบิตต์และบลีเชอร์

ทั้งบริษัทของสครูบิตต์และบลีเชอร์สร้างขึ้นบน on Leavesden’s F Stage ในลีฟส์เดน ล็อบบี้ร้านค้าเป็นเคาน์เตอร์ที่มีความยาวและมีชั้นวางเสื้อผ้า มีห้องซักผ้า ห้องของวิลลี่ และห้องของนูเดิล ทั้งหมดเชื่อมถึงกันในทางยาวตึก มีบันไดวงกลม ทางลาด และพนักงานจอมบื้อ รวมถึงหอคอยเล็กๆ และกรงอันน่าเกลียด

แสงสว่างสะท้อนกระเบื้องทำให้ห้องซักผ้าด้านล่างมีความสว่าง วิลลี่ดูแลพนักงานซักรีดผ้าที่มีชะตากรรมเดียวกันไม่ต่างจากเขา พื้นที่ด้านในตกแต่งด้วยอุปกรณ์ซักรีดมากมาย เช่น ถังทองแดงขนาดใหญ่ แผงเหล็ก ตะกร้า อ่างน้ำ และถังน้ำ

ทีมงานได้สร้างอุปกรณ์ขึ้นมาแบบรูบี้ โกลด์เบิร์กที่วิลลี่คิดขึ้นมา ซึ่งใช้เป็นแท่นทำงานธรรมดาและใช้พลังจากสุนัข

โบสถ์หลังคาโค้ง / ที่เก็บซ่อนตัวของคาร์เทล

สร้างขึ้นที่ I Stage ในลีฟส์เดน หลังคาทรงโค้งเป็นฉกที่แยกกันหลายส่วน รวมห้องควบคุมหลังคา แทงค์ชอคโกแลต ทางเข้าห้องสารภาพ ลิฟต์ลับ และทางเดินยาวที่มีหลังคาทรงโค้ง

ห้องใต้ดินถูกสร้างขึ้นอย่างมีรายละเอียดซับซ้อน  มีความหรูหราและตกแต่งที่ได้แรงบันดาลใจแบบรัสเซียน ท่อน้ำ วาล์ว และมาตรวัดบนผนังทำให้ดูเป็นห้องเครื่องจักรที่มีความไฮเทค และมีการตกแต่งด้วยของสำคัญในคลับของสุภาพบุรุษ เช่น พวกบาร์ เครื่องผลิตชอคโกแลต โซฟาแบบหลังอูฐ เก้าอี้วิงแบค (หนังสีดาร์กชอคโกแลตธรรมชาติ) และแชนเดอเลียร์ที่ได้แรงบันดาลใจจากปี 1930 ที่ดูเหมือนวุ้นขนาดใหญ่ 

สุดขอบห้องจะมีประตูกันนื้อคล้ายในเรือดำน้ำขนาดเล็ก มีพวงมาลัยล็อคที่จะเข้าถึงแทงค์ชอคโกแลตได้ แทงค์กระเบื้องเมทัลลิคที่เป็นสระชอคโกแลตละลาย พร้อมทางเดินด้านบนสระ

ฉากอื่นๆ

บรรยากาศภายในเรือยาวช่วงวัยเด็กของวิลลี่สร้างขึ้นที่ลีฟส์เดน ฉากที่มีเสน่ห์ประกอบด้วยหลายองค์ประกอบที่ขนกองทัพคน การก่อสร้างอื่นยังรวมถึงเรือที่วิลลี่เดินทางไปถึง (ทั้งด้านบนและด้านล่างดาดฟ้าเรือ) ท่อระบายพายุหลายแห่ง และอีกหลายสถานที่ในสวนสัตว์ (กระท่อมต้อนรับ ยีราฟล้อมรอบ และทางเดินอื่นๆ)

มีช่วง 2-3 วันถ่ายทำกันที่ Cardington Hangar ทีมงานดูแลด้านการบินของฟอยติดตั้งลวดสลิงจำนวนมากให้เลนและชาลาเมต์ เพื่อซ้อมและถ่ายทำฉากบินสูง เต้นในสวนสัตว์ และลอยขึ้นกลางอากาศด้วยบอลลูนหลากสีสัน

สถานที่ถ่ายทำจริง

●         Goring Gap สถานที่อันมีเอกลักษณ์ใน British Isles ตั้งอยู่ระหว่างพื้นที่ 2 แห่งที่แยกกันระหว่าง Areas of Outstanding Beauty (หุบเขาที่มีแม่น้ำ Thames ไหลผ่าน กับริมฝั่งในชิลเทิร์นส ส่วนอีกฝั่งอยู่ใน North Wessex Downs) เป็นฉากหลังของวิลลี่ตอนเด็ก (รับบทโดยโคลิน โอ’เบรียน) แสดงเวทมนตร์ให้แม่เห็น (แซลลี่ ฮอว์คินส์) บนเรือล่องคลองที่เป็นบ้านบนน้ำของพวกเขา หลายฉากบนเรือถ่ายทำที่ Sutton Bridge ซึ่งเหมาะจะขยายภาพแม่น้ำเธมส์ที่มีต้นวิลโลว์พริ้วไหวและมีสะพานหินอันงดงาม

●         ท่าเรือ Lyme Regis เป็นสถานที่ลงตัวสำหรับท่าเรือของเมืองและจุดที่เรือพาวิลลี่สู่เมืองต่างๆ ท่าเรือที่สำคัญในประวัติศาสตร์ (ที่รู้จักในชื่อ The Cobb) และเมืองที่อยู่ริมทะเลมีตึกสมัยก่อนเหมาะสำหรับภาพรวมของภาพยนตร์ Lyme Regis เป็นสถานที่สร้างความท้าทาย เพราะมีการทำงานและเป็นที่ปักหลักของธุรกิจค้าประมงขนาดเล็ก กองถ่ยต้องปิดท่าเรือเป็นเวลา 3 วัน หยุดการเข้าออกทุกอย่าง นั่นหมายถึงต้องเจรจากับบริษัทต่างๆ 40 แห่ง เหล่าผู้สร้างช่วงเวลาแห่งวันหยุดและแฟนนับร้อยยิ่งกว่าดีใจที่มารวมตัวกัน หวังว่าจะไปสะดุดตาชาลาเมต์กันบ้าง

●         ในเมืองที่งามสง่าของบาธ สถาปัตยกรรมแบบจอร์เจียนที่มีสีน้ำผึ้งถูกส้รางขึ้นในลีฟส์เดน และเหมาะจะถ่ายทำบรรยากาศภายนอกใกล้โบสถ์ มีแนวต้นไม้และริมแม่น้ำ ออกซ์ฟอร์ดมีทั้งRadcliffe Camera Bodleian Library ที่สำคัญในประวัติศาสตร์และสถานที่อื่นริมแม่น้ำ นี่เป็นครั้งแรกที่ห้องสมุด Bodleian เปิดให้ทีมงานภาพยนตร์เข้ามา ต้องใช้เวลาเจรจากันนานหลายเดือน

●         สถานที่อื่นยังรวมถึง The Rivoli Ballroom ในลอนดอน ต้นแบบที่งดงามแห่งยุค 1950 และเป็นเพียงแห่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ในลอนดอน (สำหรับการเปลี่ยนคอมเมดี้คลับและโทรศัพท์); ปราสาทเอลแธม มรดกอังกฤษที่งดงามโดยมีการตกแต่งภายในแบบยุค 1930 (ทำให้ได้บรรยากาศที่เหมาะสำหรับฉากภายในของบ้านและโรงงานสลักเวิร์ธ) และบ้านเลห์ตันของเคนซิงตัน บ้านสุดหรูพร้อมกระเบื้อง Arab Hall ปลายยุค 1800 ที่ใช้เป็น Turkish Bath (สำหรับฉากด้านในของบ้านพรอดโนส)

การร้อง การเต้น และ.. การบิน

ดนตรีช่วยเพิ่มมนต์สะกดให้เนื้อเรื่องของวิลลี่ วองกก้า เพลงต้นฉบับทั้ง 6 เพลงจากนีล แฮนนอน (เนื้อร้องโดยแฮนนอน พร้อมด้วยฟาร์นาบีและคิง) มาพร้อมกับธีมอันเป็นที่รักอย่าง “Pure Imagination” และ “Oompa Loompa” เพลงใหม่ทั้ง 6 คือ “A Hatful of Dreams,” “You’ve Never Had Chocolate Like This,” “Scrub Scrub,” “Sweet Tooth,” “For A Moment” และ “A World of Your Own”

ฝ่ายเสียงเพลงของภาพยนตร์รวมถึงผู้ประพันธ์ดนตรี โจบี้ มัลบอท ผู้แต่งเพลงแฮนนอน ผู้ควบคุมเสียงดนตรี เจมส์ เทย์เลอร์ และโปรดิวเซอร์เพลงชาร์ลส โรเซน รวมถึงผู้เรียบเรียงเพลง ในฉากมีการใช้ ProTools จัดการช่วยเรื่องเสียงดนตรีทุกวัน และยังมีโค้ชด้านการร้องเพลง การมิกซ์เสียงและช่วยในการทำงานกับนักแสดงและเสียงเบื้องหลัง

การเตรียมตัวเรื่องเสียงใช้เวลา 4 เดือนเต็มก่อนเริ่มการถ่ายทำ ซึ่งรวมถึงการฝึกซ้อมและการค้นหาข้อมูลไปพร้อมกับนักแสดง เทย์เลอร์จัดการเสียงดนตรีจากเปียโน จนถึงขั้นผลิตเดโมออกมา เตรียมบันทึกเสียงร้องและท่วงทำนอง เทย์เลอร์และโรเซนได้แต่งเพลงให้  “Wonka” โดยการใส่ใจท่วงทำนอง สร้างเสียงเพลงที่มีทั้งหีบเพลง แบนโจ และขิม

พอมีการพัฒนาเสียงเพลงจนเริ่มแต่งเป็นเพลงขึ้น ถึงเวลาใส่เสียงของนักแสดงลงไป มีการบันทึกเสียงเพลงก่อนที่ Abbey Road จากนั้นจะนำเพลงมาเปิดระหว่างถ่ายทำ พร้อมการบันทึกเสียงสดในฉากจริง การบันทึกเสียงในฉากทำให้บันทึกเสียงและปรับเปลี่ยนได้ทันที ทำให้มีการปรับเสียงเกิดขึ้นตลอดเวลา

            นอกจากการเตรียมความพร้อมด้านเสียงร้องและดนตรีแล้ว ทีมนักแสดงยังต้องร่วมงานกับผู้ออกแบบท่าเต้น คริสโตเฟอร์ กาเทลีช่วงที่พวกเขาเริ่มเตรียมการร้องเพลงด้วย คิงสนใจในตัวเขาจากผลงานท่าเต้นที่ตลกแบบปี 1940 ในผลงานปี 2016 เรื่อง “Hail, Caesar!” กาเทลลีได้สร้างภาษาวิชวลและสไตล์การเต้นให้  “Wonka” โดยการใส่สไตล์ที่หลากหลายลงไปในเสียงดนตรี ทั้งแท็ป วอลซ์ จนไปถึงบรอดเวย์ที่โดดเด่นอีกด้วย

ช่วงที่ต้องออกแบบท่าเต้นกลางอากาศ ทีม Flying By Foy พร้อมด้วยผู้สร้างภาพยนตร์และกาเทลลีใช้เทคนิคสร้างไอเดียให้ได้ตามจินตนาการของคิง ฟอยคือ 1 ใน 3 ตัวแทนของทีมคนสำคัญ

ฉากการลอยตัวอันยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นตอนวิลลี่มอบโฮเวอร์ชอคให้ลูกค้าในทาวน์สแควร์ ชอคโกแลตดูเหมือนนักบัลเลต์บินกลางอากาศราว 20 ชีวิต แต่ละคนบินในจุดของตัวเอง มีความเร็วและความสูงต่างกันไป (กล้องบินผ่านตัวพวกเขา) ระบบลวดสลิงของฟอยทำให้เคลื่อนไหวซ้ำแบบเดิมได้ทุกอย่างตามเวลาหน่วยเสี้ยววินาที นักแสดงทุกคนจะเคลื่อนไหวได้ตามที่คิงต้องการ การควบคุมนี้ทำให้การลอยตัวและการเต้นดูไหลลื่น โดยมีวิลลี่และนูเดิลบินคู่กันบนท้องฟ้า

ชอคโกแลต

            หากจะมีใครผลิตภาพยนตร์เกี่ยวกับการสร้างชอคโกแลตที่ดีที่สุดในโลก คนนั้นควรจะนำผู้ผลิตชอคโกแลตตัวจริงมช่วยสร้างชอคโกแลตนับร้อยชิ้นบนจอภาพยนตร์ด้วย แกเบรีลลา คักโน มาร่วมงานในฉากเพื่อตกแต่งและจัดอุปกรณ์ รวมถึงอยู่เบื้องหลังของวองก้าในเรื่อง  “Wonka” ด้วย

            หลังจากมีการส่งบทให้ คักโนได้ทำลูกอม 6 ชิ้น (มีรูปแบบต่างกันถึง 4 แบบ) ให้คิง เพื่อแน่ใจว่าจะถ่ายทอดถึงเวทมนต์แห่งขนมหวานได้ หลังจากมีการนำเสนอและลองชิมแล้ว คิงได้เลือกรสโปรดของแต่ละแบบ และให้คำแนะนำเรื่องความออกแบบที่จะคงความเป็นชอคโกแลตเอาไว้

            คิงเล่าว่า “ทุกอย่างที่กินได้ในหนังไม่ใช่แค่กินได้ แต่ต้องอร่อยด้วย ผมรับประกันเลย เวลาตัวละครกินดอกไม้หรือใบไม้คือกินได้จริงๆ และอร่อยด้วย นับเป็นวันที่วิเศษสุดวันหนึ่งเลยล่ะ… ผมจำได้ตอนทีจีน วิลเดอร์ [ในบทวิลลี่ วองก้า] กินถ้วยน้ำชา เราถ่ายฉากนั้นและรู้สึกว่า ‘โอ้ ลองคิดภาพว่าเราได้กินถ้วยชอคโกแลตที่วิลลี่ผลิตขึ้นมาสิ’ แกเบรียลลาพูดว่า ‘ฉันทำได้นะ’ ผมบอกไปว่า ‘เรามีเวลาแค่ชั่วโมงเดียวก่อนเริ่มถ่ายทำนะ’ ‘ไม่ต้องห่วง’ แล้วเธอก็ออกไปทำออกมา 6 ชิ้น เพราะเราต้องถ่ายหลายเทค ถ้วยสีฟ้าเล็กๆ พร้อมจานรอง และมีการทำใบไม้สีฟ้าที่ต่างกันไปตามรูปทรง จนผมรู้สึกว่า  ‘ชีวิตนี้ผมต้องการคุณ’”

            หลังจากที่ชอคโกแลตดูน่าเชื่อแล้วว่าผลิตโดยวิลลี่จากกระเป๋าผลิตชอคโกแลคเคลื่อนที่ของเขา (อุปกรณ์ที่สร้างความน่าทึ่งในตัวเอง) คักโนต้องร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับทีมอุปกรณ์ เพระออกแบบโมลขึ้นมา ตอนแรกเธอเลือกใช้ชอคโกแลตที่เข้มกว่านี้ (เพราะจะมีรสเข้มกว่า) สำหรับการควบคุมอาหาร (ชอคโกแลตมีแบบวีแกนด้วย)

            จำนวนชอคโกแลตทั้งหมดที่ผลิตสำหรับ “Wonka” รวมโฮเวอร์ชอค 900 ชิ้น ซิลเวอร์ไลนิ่ง 80 ชิ้น คืนสำราญ  85 ชิ้น มาการูนนมยีราฟ 150 ชิ้น ขนมสี่สิบวินาที 400 ชิ้น (บรอดเวย์โชว์) เอแคร์บำรุงผม 200 ชิ้น และชอคโกแลตแท่งของคุณแม่วองก้า  80 ชิ้น

            นอกจากนั้นเหล่าดอกไม้กินได้ที่ผลิตขึ้นมาสำหรับฉากร้านชอคโกแลตของวองก้า รวมถึงดอกไม้กลมสีฟ้า (ดอกไม้ 15 ชนิดถูกผลิตขึ้นมาโดยมีกลีบดอก 300 กลีบที่ผลิตด้วยมือ รวมเป็นจำนวน 4,500 กลีบ) ดอกไม้สีม่วง 50 ดอก ดอกกุหลาบแดง 80 ดอก และถ้วยชาชอคโกแลต 6 ชุดที่ผลิตขึ้นนาทีสุดท้าย การผสมผสานอื่นยังรวมถึงเห็ดสีม่วงและส้มที่กินได้ ดอกกุหลาบม่วง ใบไม้สีส้มขนาดใหญ่ ดอกซากุระ ดิน รังผึ้ง ผึ้ง ลูกแพร์และเปลือกไม้ ร้านของวองก้ายังดังเรื่องโดนัท ไอศกรีม และสปาเก็ตตี้ ลูกชิ้นในเวอร์ชันของหวานอีกด้วย

            สิ่งที่ดูไม่โดดเด่นเท่าผลงานอื่นที่เธอแสดงฝีมือให้เห็น คือการสร้างชอคโกแลตหน้าตาธรรมดาเกือบ 400 ชิ้น  (ขึ้นรูปด้วยพิมพ์และลงสีธรรมดา) เป็นการผสมสำหรับวางขายโดยคาร์เทล

            และชอคโกแลตทุกชิ้นที่ผลิตสำหรับ “Wonka” มีการคุมอุณหภูมิและผลิตด้วยมือทุกชิ้น ใช้วัตถุดิบธรรมชาติ ไม่มีการแต่งกลิ่นหรือวัตถุกันเสีย

            ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ทำให้วิลลี่ วอลก้าภาคภูมิใจอย่างแท้จริง

Facebook Comments
ติดต่อ Maganetthailand.com
Don`t copy text!