บทสัมภาษณ์
ศ.ดร.บุษกร บิณฑสันต์ คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ และประธานโครงการหลักสูตรผู้บริหารทูตวัฒนธรรม
ดร.กิตสิรินทร์ กิติสกล เลขานุการหลักสูตรผู้บริหารทูตวัฒนธรรม
โดย นายอรรคณัฐ วัทนะสมบัติ ( นิสิตปริญญาเอก คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย )
เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2561
“เพราะศิลปะและวัฒนธรรมเป็นเครื่องจรรโลงจิตวิญญาณและความเป็นมนุษย์ ทำให้มนุษย์มีความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์”
คือคำตอบของ ศาสตราจารย์ ดร.บุษกร บิณฑสันต์ คณบดี คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อเราถามถึงความสำคัญของ “ศิลปะและวัฒนธรรม”
“ศิลปะและวัฒนธรรมคือสองสิ่งที่แตกต่างกัน แต่ก็เป็นส่วนของกันและกัน เราจะสอนให้เรียนรู้ศิลปะในความเป็นวัฒนธรรมเป็นอย่างไร และจะเป็นการเรียนรู้ที่เกิดจากการลงมือปฏิบัติจริง”
อาจารย์บุษกร ขยายความต่อด้วยคำพูดที่เรียบง่ายแต่มีความหมายลึกซึ้งยิ่งนัก อาจารย์อธิบายถึงความเชื่อมโยงระหว่างศิลปะและวัฒนธรรม รวมไปถึงแนวคิดเบื้องหลังการออกแบบหลักสูตร “ผู้บริหารทูตวัฒนธรรม” ของคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่จะมุ่งเน้นให้ผู้เข้าร่วมอบรมในหลักสูตรได้เรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติจริง มิใช่การเรียนในลักษณะการบรรยายแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
หลักสูตรผู้บริหารทูตวัฒนธรรม เป็นหลักสูตรพิเศษโดยคณะศิลปกรรมศาสตร์ ซึ่งจะเปิดรับผู้เข้าอบรมรุ่นแรก การอบรมจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 – วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2562
อาจารย์บุษกรเท้าความให้ฟังถึงที่มาที่ไปของหลักสูตรว่า
“สืบเนื่องมาตั้งแต่สมัยที่อาจารย์ยังเรียนอยู่ที่ประเทศอังกฤษค่ะ อาจารย์เห็นว่าประเทศอื่น ๆ เขาตั้งใจเผยแพร่วัฒนธรรมของตัวเองเป็นอย่างมาก เหมือนเป็นภาระกิจเป็นหน้าที่ที่เขาต้องทำ บางประเทศอย่างประเทศอินโดนีเซีย มีการเชิญชวนให้ผู้ที่สนใจเข้ามาเรียนรู้วัฒนธรรมของเขา สถานทูตอินโดนีเซียในยุโรปทั้งเชิญชวน ทั้งให้ทุนผู้ที่สนใจ ให้มาเรียนที่อินโดนีเซีย จนไม่น่าเชื่อว่าในยุโรป มีวงดนตรีอินโดนีเซียที่เรียกว่า กามาลัน (Gamelan) มากกว่า 200 วง คณะที่วงดนตรีไทยมีเพียงไม่กี่วงเท่านั้น ในอังกฤษมีชมรมดนตรีไทยแห่งสหราชอาณาจักรซึ่งตั้งขึ้นตามพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี”
“ต่อมาตัวอาจารย์เองมีโอกาสได้มีส่วนร่วมในการเผยแพร่ดนตรีไทยให้เป็นที่รู้จักในยุโรปหลายประเทศคือที่ อังกฤษ นอร์เวย์ เบลเยี่ยม รวมทั้งประเทศในอาเซียนอย่างสิงคโปร์ ซึ่งมีที่มาจากการริเริ่มของเอกอัครราชทูตไทยซึ่งประจำอยู่ ณ ประเทศนั้น ๆ ซึ่งเล็งเห็นความสำคัญของการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยให้เป็นที่รู้จัก อาจารย์จึงฝังใจเสมอมา และคิดว่า ควรจะต้องมีหลักสูตรที่จะสร้างให้ผู้ที่มีจิตอาสา เห็นความสำคัญของการเผยแพร่วัฒนธรรมไทย ได้เรียนรู้และเข้าใจวัฒนธรรมไทยอย่างลึกซึ้ง เพื่อที่จะสามารถทำหน้าที่เป็น ‘ทูต’ ทางวัฒนธรรมได้ และเมื่ออาจารย์มีโอกาส จึงได้ผลักดันให้เกิดหลักสูตรผู้บริหารทูตวัฒนธรรมขึ้นมา เป็นโครงการที่จะได้เติมเต็มช่องว่างที่ประเทศไทยยังไม่มี”
อาจารย์บุษกรยังได้เล่าให้เราฟังถึงความ “พิเศษ” ของหลักสูตรนี้ว่า เป็นหลักสูตรแรกและหลักสูตรเดียวในประเทศไทยที่เชิญผู้บรรยายที่มีความเชี่ยวชาญในศิลปะและวัฒนธรรมแขนงต่าง ๆ ของไทย มากที่สุด ทั้ง คีตศิลป์ นาฏศิลป์ นฤมิตรศิลป์ ลวดลายไทย อาภรณ์ไทย อัญมณีและเครื่องประดับไทย ไปจนถึง ศิลปะนามธรรม และศิลปะบำบัด โดยวิทยากรที่เชิญมาบรรยายในหลักสูตรนั้น นอกจากคณาจารย์ของคณะศิลปกรรมศาสตร์เองแล้ว ยังได้รับเกียรติจากศิลปินแห่งชาติหลายท่าน อาทิ อาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ รศ.ดร. ภิญโญ สุวรรณคีรี ราชบัณฑิตและศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรม) คุณรวงทอง ทองลั่นทม ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (การขับร้องเพลงไทยสากล) คุณปกรณ์ พรพิสุทธิ์ ศิลปินแห่งชาติ ตลอดจนศิลปินรุ่นใหม่อย่างคุณ ธนชัย อุชชิน หรือ คุณป๊อด โมเดิร์นด็อก ร่วมบรรยายอีกด้วย
การพัฒนาหลักสูตร “ผู้บริหารทูตวัฒนธรรม” วางอยู่บนพื้นฐานสามแนวคิดหลักที่สำคัญ คือ “ความเป็นไทย ความร่วมสมัย และวัฒนธรรมร่วมเพื่อนบ้านอาเซียน” สำหรับรูปแบบการเรียนการสอนจะเน้นการปฏิบัติจริงควบคู่ไปกับการบรรยายโดยผู้เชี่ยวชาญในวัฒนธรรมแขนงต่าง ๆ มีกิจกรรมประกอบทั้งกิจกรรมจิตอาสาเพื่อสังคม การทัศนศึกษานอกสถานที่ และการศึกษาดูงานยังต่างประเทศ เพื่อให้เข้าใจรากวัฒนธรรมแต่ละด้านอย่างถ่องแท้ รู้จริง เห็นร่องรอยความเชื่อมโยงระหว่างวัฒนธรรมไทย ทั้งวัฒนธรรมส่วนกลาง ทั้งวัฒนธรรมพื้นถิ่น และวัฒนธรรมเพื่อนบ้านอาเซียน
“การเรียนรู้วัฒนธรรม คือ การเรียนรู้ความเป็นตัวตน รากเหง้าของเรา ผู้ที่ผ่านหลักสูตรนี้ นอกจากจะเข้าใจตัวเองและสังคมไทยอย่างลึกซึ้ง ยังจะสามารถอธิบายที่มาที่ไปและวัฒนธรรมต่าง ๆ ของไทยได้อย่างถูกต้อง ปานประหนึ่งเป็นทูตทางวัฒนธรรมได้ หรืออย่างน้อยที่สุด จะเข้าถึงสุนทรียทางศิลปะและวัฒนธรรม ใช้ศิลปะและวัฒนธรรมในการจรรโลงจิตใจ สามารถใช้ศิลปะในการบำบัดตัวเองและช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสได้”
ด้านอาจารย์ ดร.กิตสิรินทร์ กิติสกล หรือ อาจารย์ฝน ผู้เป็นกำลังสำคัญอีกท่านหนึ่ง ซึ่งนอกจากจะมีส่วนช่วยออกแบบหลักสูตรแล้ว ยังดำรงตำแหน่งเลขานุการของหลักสูตรด้วย ได้เล่าให้เราฟังถึงข้อเด่นของหลักสูตรนี้ผ่านมุมมองของเธอ ในฐานะผู้ที่ต้องจากวัฒนธรรมของตัวเองไปอยู่ในวัฒนธรรมอื่นนานกว่า 12 ปีว่า
“ฝนไปเรียนที่ฝรั่งเศสนาน ไปอยู่ในวัฒนธรรมอื่นนาน จนรู้สึกห่างจากรากของตนเอง สังเกตคนฝรั่งเศสเป็นคนที่รักชาติมาก เขามีวัฒนธรรมของตัวเองตั้งแต่การกินการดื่ม โดยเฉพาะศิลปะต่าง ๆ ที่มีความโดดเด่นมาก คนฝรั่งเศสเขารู้จักและเข้าใจวัฒนธรรมตัวเอง รักในวัฒนธรรมของตัวเอง และเขาทำมันอย่างเป็นธรรมชาติ ฝนมองว่าการที่เขารู้จักตัวเองและทำตามวัฒนธรรมตัวเอง ก็ถือเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมไปในตัว เมื่อมีโอกาสได้ออกแบบหลักสูตรนี้ก็คิดว่าจะทำอย่างไรให้ผู้เข้าร่วมเข้าใจวัฒนธรรมตัวเองและปฏิบัติอย่างเป็นธรรมชาติบ้าง ก็คิดว่าน่าจะเน้นการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมนอกเหนือไปจากการบรรยาย”
“เป้าหมายที่ต้องการให้ผู้ที่เข้าร่วมหลักสูตรมีความเข้าใจในวัฒนธรรมไทยอย่างถ่องแท้ และปฏิบัติหน้าที่เป็นทูตวัฒนธรรม สำหรับฝนเป็นเป้าประสงค์สุดท้าย ในระหว่างทางไปสู่เป้าประสงค์นั้น ฝนคิดว่าในเบื้องต้น ทุกคนจะสนุกกับหลักสูตรที่ออกแบบมาให้เรียนและฝึกปฏิบัติผ่านกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย เมื่อเราสนุก เรามีความสุข เราเข้าใจตัวตนรากเหง้าของเรา เราจะรักในสิ่งที่เราเป็นและดำเนินชีวิตในวัฒนธรรมเราแบบเป็นธรรมชาติ สำหรับฝนนี่ก็เป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมไปในตัวแล้ว”
หลักสูตรผู้บริหารทูตวัฒนธรรม โดยคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมอบรมจำนวนจำกัด ผู้สมัครจะต้องผ่านการสัมภาษณ์โดยคณะกรรมการของหลักสูตร ผู้ผ่านการอบรมสำเร็จตามหลักสูตรจะได้รับประกาศนียบัตรจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ 089-2056311