“แอนดรูว์ เฮกเลอร์” จากนักแสดงสายแอคชั่นสู่ผู้กำกับภาพยนตร์สายคุณภาพ “Burden”

เป็นที่รู้กันดีว่า กว่าหนังจะสร้างหนังอินดี้ได้สักเรื่อง ต้องอาศัยความอดทนและความมานะบากบั่นอย่างยากลำบากแค่ไหน และคนที่สามารถมายืนยันเรื่องนี้ได้ดีที่สุดคือ แอนดรูว เฮคเลอร์ อดีตนักแสดงที่ผันตัวมาเป็นคนทำหนัง เพราะเขาตั้งใจอยากจะทำหนังเรื่องแรกของตนเองมาตั้งแต่ปี 1996 และเขาพยายามดิ้นรนเพื่อทำหนังมาตลอด 2 ทศวรรษ  แอนดรูว์ เฮคเลอร์ เคยเล่นบทสมทบเล็กๆ ในหนังใหญ่อย่าง Armageddon และซีรีส์ดังอย่าง Ally McBeal เขาเป็นเจ้าของคณะละครเวิร์คเฮ้าส์เธียร์เตอร์ คณะละครเล็กๆ ในนิวยอร์ก ที่เขาทั้งกำกับและแสดงไปแล้วกว่า 30 เรื่อง เขาไม่เคยล้มเลิกความตั้งใจที่จะทำหนัง และแล้วในที่สุด Burden หนังเรื่องแรกที่เขาทั้งเขียนบทและกำกับ ก็ได้เวลาลงโรงฉายเสียที Burden สร้างมาจากเรื่องจริง แกร์เรตต์ เฮดลันด์ รับบท ไมค์เบอร์เดน อดีตสมาชิกกลุ่มคลูคลักซ์แคลน์ (Klu Klux Klan หรือ KKK เป็นสมาคมลับของกลุ่มคนที่เหยียดคนผิวดำ) ในเซาธ์แคโรไลนาที่พยายามกลับตัวกลับใจ โดยได้รับความช่วยเหลือจากแม่ลูกติดคนหนึ่ง (แอนเดรีย ไรส์เบอโรห์) และสาธุคุณเดวิดเคนเนดี(ฟอเรสต์ วิเทเกอร์) ร่วมด้วยนักแสดงมากฝีมืออย่าง ทอม วิลคินสัน และ อัชเชอร์ หนังออกฉายรอบปฐมทัศน์ในเทศกาลหนังซันแดนซ์ปี 2018 และชนะรางวัลขวัญใจมหาชน  คุณได้ยินเรื่องราวของไมค์ เบอร์เดนครั้งแรกตอนไหน  ผมมีคณะละครและโรงละครของผมเองในนิวยอร์ก ซึ่งผมทั้งเขียนบทเอง สร้างเอง กำกับเอง และแสดงเองด้วย พวกเราไม่มีใครถนัดหาทุนเลย เพราะฉะนั้นทางเดียวที่โรงละครจะอยู่รอดได้ก็คือ ต้องผลิตละครต่อเนื่องโดยไม่ให้เวทีว่าง เราต้องช่วยกันหาเรื่องราวจากทุกสารทิศมาทำเป็นบทละคร แล้วผมก็ได้อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์เล็กๆ จากรัฐทางใต้ฉบับหนึ่ง ประมาณปี 1996 ผมตะบี้ตะบันอ่านหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเพื่อหาข่าวแปลกๆ มาทำละคร แล้วผมก็ได้เห็นข่าวหนึ่งพาดหัวว่า “สมาชิกคลูคลักซ์แคลนเปิดร้านเฉพาะคนผิวขาว และเปิดพิพิธภัณฑ์ของกลุ่มคลูคลักซ์แคลน” ผมอ่านแล้วก็ชอบในความสุดโต่งของข่าวนี้ และตัดเก็บไว้ในแฟ้ม เพื่อจะกลับมาหารายละเอียดเพิ่มเติมตอนมีเวลา แต่แล้วในปีต่อมา ผมก็ได้อ่านข่าวที่พาดหัวว่า “สมาชิกคลูคลักซ์แคลนขายร้านและพิพิธภัณฑ์ให้นักบวชผิวดำแล้ว” ผมอ่านแล้วคิดในใจว่า บ้าไปแล้ว ผมเลยรีบยกหูโทรคุยกับนักบวชคนนั้น แล้วผมก็รีบขับรถไปยังเซาธ์แคโรไลนาทันที ที่ผมทำแบบนั้น เพราะครั้งหนึ่งผมเคยนั่งคุยกับ บิลลี่ บ็อบ ธอร์นตัน ตอนนั้นเขากำลังทำหนังเรื่อง Sling Blade เขาคอยย้ำกับผมว่า “จำไว้นะ ไม่ว่านายจะทำอะไร ถ้านายต้องเขียนบทสักเรื่อง นายต้องออกจากอะพาร์ตเมนต์ ไปยังสถานที่แห่งนั้น และถึงแม้มันจะไม่ได้เกิดจากเรื่องจริงก็เถอะ…นายต้องไปยังฉากหลังที่นายเขียน ไปสัมผัส ไปอยู่ที่นั่น สูดทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไปในร่างกาย” เสียงของเขาดังก้องอยู่ในหัวของผม ผมขับรถไปถึงที่นั่น ได้พบบุคคลในข่าว และผมก็ใช้เวลา 10 วันเพื่อคุยกับพวกเขาเป็นครั้งแรก ผมไปเยือนโบสถ์แห่งนั้น ไปทำความรู้จักกับท่านสาธุคุณ และผู้ดูแลโบสถ์ที่ชื่อ แคลเรนซ์ (ในหนังรับบทโดย อัชเชอร์) จากนั้นผมก็กลับไปที่นั่นอีกรอบหนึ่ง เพื่อเก็บข้อมูลให้แน่ใจว่า มันมีเรื่องราวอีกด้านที่ผมคิดไม่ถึงหรือเปล่า เพราะผมไม่ได้อยากทำหนังที่ว่าด้วย ธรรมะต่อสู้กับอธรรม หรือหนังยอดมนุษย์ ซึ่งถ้าคุณเป็นนักแสดง คุณเรียนการละครมา คุณไม่มีทางอยากเขียนตัวละครแบนๆ แบบนั้นออกมาแน่ คุณจะต้องมองหาอะไรที่ลึกลับและซับซ้อนกว่านั้น มองดูว่าอะไรคือแรงขับของตัวละคร นักแสดงที่ดีจะไม่มีวันพูดว่า “ฉันจะมาพูดบทให้จบๆ แล้วกลับบ้าน”​แต่นักแสดงที่ดีจะถามว่า ปูมหลังของเรื่องทั้งหมดคืออะไร และหน้าที่คุณก็คือขุดเรื่องพวกนั้นขึ้นมา ผมเลยต้องขุดเรื่องนี้ แล้วผมก็ขุดไปจนถึงกลุ่มคลูคลักซ์แคลน ผมเลยไปที่นั่น และโทรหาพวกเขา คุณโทรหาพวกคลูคลักซ์แคลนได้ง่ายๆ อย่างนั้นเลยเหรอ คืองี้ ผมโทรไปที่ร้านพวกเรดเนค (Redneck คือกลุ่มคนขาวที่เป็นชนชั้นกรรมกร และส่วนใหญ่มักมีทัศนคติเหยียดผิว) มีร้านพวกนั้นอยู่ ผมหลอกพวกเขาว่า ผมเป็นพวกนิยมผิวขาวสุดโต่งจากโคโลราโด พ่อผมอยู่ที่นั่นและที่นั่นมีพวกนิยมผิวขาวสุดโต่งเยอะมาก ผมบอกพวกเขาว่าผมกำลังจะขับรถไปพักร้อนที่ฮิลตันเฮด (เมืองรีสอร์ตบนเกาะในแถบเซาธ์แคโรไลนา) ผมอยากแวะไปทักทายพวกเขา และพวกเขาก็ตอบมาว่า “ได้เลย” ผมเลยไปขลุกอยู่กับพวกเขา ได้พูดคุยและได้รับรู้วิธีคิดของพวกเขา ซึ่งการพูดคุยครั้งนั้นก็ท้าทายผมมาก เพราะทุกอย่างมันค้านกับตัวตนและความเชื่อของผมโดยสิ้นเชิง เอาเข้าจริงมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องลำบากใจอะไรนัก ผมไม่ถึงกับต้องฝืน ผมมักจะเข้าไปคลุกวงในกับคนกลุ่มต่างๆ อยู่แล้วเพื่อมาใช้ในงานแสดง เพราะฉะนั้นถ้าผมจะทำหนัง ผมก็ต้องลงทุนหน่อย แล้วผมก็ได้ข้อมูลเยอะมาก ได้รับรู้อะไรที่ลึก และความคิดที่มีหลายเฉด ซึ่งไม่ได้มีแค่ขาวกับดำ ทุกอย่างมันเทาๆ เหมือนมนุษย์เราทุกคน นับว่าเป็นประโยชน์กับบทหนังของผมมาก ระหว่างการหาข้อมูลทั้งที่ยังไม่ได้มีแนวโน้มว่าจะทำเป็นหนัง คุณใช้เงินตัวเองทั้งหมดเลยเหรอ ใช่ ผมโง่มากที่ทำแบบนั้น และไม่ใช่แค่เดินทางไปเซาธ์แคโรไลนา ผมยังเดินทางไปยังเวสต์เวอร์จิเนียด้วย ผมใช้เงินเก็บหมดไปกับการเดินทาง และค่าใช้จ่ายในการเก็บข้อมูล แถมยังต้องจ่ายค่าสิทธิ์ในการขอข้อมูลส่วนตัวด้วย (Life Rights คือ สิทธิ์ในการขอข้อมูลส่วนตัวของบุคคลใดบุคคลหนึ่งมาใช้งานในสื่อ เช่นภาพยนตร์หรือหนังสือ โดยต้องจ่ายและมีการเซ็นสัญญายินยอม) คุณจ่ายค่าเรื่องอย่างไร สำหรับ Burden…

LOVE AT SECOND SIGHT (Mon inconnue)

เรื่องย่อ           ราฟาเอล เรมิสส์ (ฟรังซัวร์ ซิวิล) เป็นนักเขียนนิยายชื่อดังในฝรั่งเศส มีชีวิตคู่ที่เหมือนจะมีความสุขดีกับภรรยาสาวนักเปียโน โอลิเวีย (โจเซฟีน จาปี้) ที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม อาจเรียกได้ว่าชีวิตของเขาแทบจะสมบูรณ์แบบ แต่แล้ววันหนึ่ง เขากลับตื่นมาในจักรวาลคู่ขนานแล้วพบว่า เขาไม่ใช่นักเขียนชื่อดังแต่กลับเป็นครูต๊อกต๋อย…

5 เกร็ดห้ามพลาด “A Hidden Life” ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจาก “เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์” 2 เมษายนนี้ ที่โรงภาพยนตร์ “House Samyan” เท่านั้น

• A Hidden Life  สร้างจากเหตุการณ์จริงของ  ฟรันซ์ เจเกอร์สแตทเทอร์ วีรบุรุษที่โลกลืม ผู้ไม่ยอมก้มหัวให้ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ จนถูกตัดสินโทษประหารชีวิต •  กำกับโดย เทอเรนซ์ มาลิค ผู้กำกับระดับตำนานจาก…

A HIDDEN LIFE ภาพยนตร์เจ้าของรางวัลยอดเยี่ยมจากเมืองคานส์ โดย เทอเรนซ์ มาลิค ผู้กำกับ The Tree of Life เตรียมเข้าฉายที่ House Samyan ที่เดียวเท่านั้น

A Hidden Life สร้างจากเหตุการณ์จริงของบุรุษผู้ถูกลืม ฟรันซ์ เจเกอร์สแตทเทอร์  (ออกัสต์ ดีห์ล) ชาวไร่สัญชาติออสเตรเลียผู้ไม่ยอมก้มหัวให้นาซี ถูกเรียกตัวไปเกณฑ์ทหารเพื่อร่วมรบสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้กับ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ด้วยความยึดมั่นยิ่งชีพในอุดมการณ์พิทักษ์สันติ เขาจึงลุกขึ้นต่อต้านหัวชนฝา จนถูกคุมขังและถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏ ทำให้ผู้คนในหมู่บ้านของเขาต่างหันหลังให้ แต่กำลังใจเดียวที่เขามีคือ ฟรานซิสกา เจเกอร์สแตทเทอร์ …

Don`t copy text!